Page 84 - 160
P. 84

70



                       ผลผลิต (Output)และการย้อนกลับ (Feedback) (Bertalanffy, 1972; Miller & Rice, 1967;
                       Kimberly, 1979)

                                     Scott (1967) กล่าวว่า การนำแนวคิดและทฤษฎีระบบหรือที่เรียกว่า System
                       Theory เข้ามาเกี่ยวข้องในระบบการจัดการขององค์การ โดยอาศัยการจัดการบทบาทหน้าที่

                       การกำหนดกรอบแนวคิด ทฤษฎี หลักการ วิธีการ และเทคนิคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับองค์การ และการ

                       บริหารงาน โดยเน้นให้มองภาพรวมขององค์การในสภาพที่เป็นระบบ
                                     Sehgal and Bharucha-Reid (1972) ได้กล่าวว่า ทฤษฎีระบบ หรือที่เรียกว่า

                       System Theory หมายถึง การรวมตัวกันของหลาย ๆ สิ่ง เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือความ
                       เป็นจุดศูนย์กลางเดียวกัน โดยในแต่ละสิ่งที่นำมารวมกันจะต้องมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน หรือขึ้นต่อ

                                                                                              ื่
                       กันและกัน หรือจะต้องมีผลกระทบซึ่งกันและกัน นำมาผ่านซึ่งผลของกระบวนการและเพอให้เกิดผล
                       อย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ผลลัพธ์
                                     Hicks (1972, p. 461), Semprevivo (1976, p. 1) และ Kindred (1980, p. 6)

                       ได้ให้ความหมายของคำว่าระบบ หมายถึง การสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกัน ของสิ่งหลายสิ่งให้เกิด

                                  ื่
                       การรวมตัว เพอความเป็นหนึ่งเดียว กลุ่มเดียวกัน มีลักษณะขั้นตอนเชื่อมโยงกันและกัน สามารถ
                       มีผลกระทบถึงกัน และสุดท้ายได้ผลลัพธ์ออกมาจากการกลุ่มระบบนั้น ๆ

                                     Robbins, Bergman, Stagg, and Coulter (2006, p. 54) ให้ความหมายของระบบ
                       คือ ว่าเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กัน มีการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์เดียวกัน มีการประสานงานเชื่อมโยงกันใน

                       ระหว่างดำเนินงาน ช่วยกันจนเป็นผลลัพธ์ออกมาบรรลุวัตถุประสงค์นั้น ๆ

                                     กล่าวโดยสรุป ทฤษฎีระบบ หมายถึง สิ่งต่าง ๆ หรือส่วนสำคัญต่าง ๆ ที่มาประกอบ
                       กันมีความสัมพันธ์กันและเชื่อมโยงมีผลต่อกันโดยองค์ประกอบ ทำงานร่วมกันประสานงานกันในการ

                       ทำงาน จนบรรลุถึงเป้าหมายเดียวกันตามวัตถุประสงค์ของระบบนั้น ๆ
                                     ประเภทของระบบ

                                     โดยทั่วไประบบกำหนดเป็นประเภทหลักที่พบมากเป็น 2 ประเภท กล่าวคือ ระบบ

                       แบบปิดและระบบแบบเปิด ในหน่วยงานหรือองค์กรระบบแบบปิด (Closed System) จะเป็นการ
                       ดำเนินการกิจกรรมภายในไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่อนุญาตให้สิ่งอื่น ๆ ภายนอกเข้ามามี

                       ส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม และหน่วยงานหรือองค์การแบบเปิด (Open System) นั้นสามารถ

                       ได้รับแรงกดดันในรูปแบบต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ สรุปได้ว่า ระบบปิด (Closed System)
                       คือ ระบบที่มีพร้อมทำกิจกรรมด้วยตัวระบบเอง หรือภายในตัวเอง ไม่สัมพันธ์หรือผูกพันกับระบบ

                       ภายนอกอนใด และแยกระบบออกมาจากสภาพแวดล้อมไม่เกี่ยวข้องไม่ขนต่อกัน ในทางกลับกันระบบ
                                                                                 ึ้
                               ื่
                       เปิด (Open System) คือ ระบบที่ต้องพึ่งพาการประสานงานติดต่อเชื่อมโยงกับบุคคล องค์กรหรือ
   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89