Page 98 - 049
P. 98
84
ี
ิ
ื่
ี
1. พฤตกรรมแบบบังคับ ควรจะใช้วิธการน้เมอ
ิ
์
ี
ี
ึ
ุ
ี
ิ
1.1 ต้องรบตัดสนใจอย่างเร่งด่วน เช่น กรณมเหตการณฉกเฉนเกิดข้น
ุ
่
ิ
ี่
ิ
ื่
ื
็
ึ
ื่
็
ิ
1.2 เมอเปนประเด็นส าคัญ ซงเมอลงมอปฏบัตไปแล้วอาจเปนส่งทคนไม่ชอบ
ื
ิ
ิ
ี
หรอไม่พอใจ เช่น การตัดงบประมาณ การลดค่าใช้จ่าย การบังคับให้ปฏบัตตามกฎระเบยบ
การลงโทษทางวินัย
ี
1.3 เมอเปนประเด็นส าคัญยิ่งต่อหน่วยงาน และเรามความมั่นใจว่าเราถกต้อง
็
ื่
ู
1.4 เพื่อกันตนเองจากการถกเอารดเอาเปรยบอย่างไรเหตผล
ั
ุ
ี
้
ู
2. พฤตกรรมแบบประสานร่วมมอ ควรจะใช้วิธการน้เมอ
ี
ื
ื่
ี
ิ
ื่
ี
ี
ิ
ั
ี่
2.1 ต้องการหาวิธการทดกว่าในการแก้ปญหาความขัดแย้ง เมอแนวคดของทั้งสอง
ี
ี
ฝายมความส าคัญมากเกินกว่าทจะประนประนอมกันได้
ี่
่
ี
้
ุ
ู
2.2 เมอเราต้องการทจะเรยนร เช่น การทดสอบจดยืนของเราเองหรอเพื่อต้องการท ี่
ื่
ื
ี่
ื่
ิ
็
จะเข้าใจความคดเหนของคนอน
ี
ี
็
ี่
ิ
2.3 เพื่อต้องการผสมผสานความคดเหนทดของทกฝายเข้าด้วยกันเพื่อจะได้วิธท ี่
่
ุ
ดกว่าในการแก้ปญหาความขัดแย้ง
ั
ี
2.4 เพื่อให้คนทั้งหลายมความผูกพันต่อกัน โดยผนกความต้องการของคนทั้งหลาย
ี
ึ
็
ให้เปนมตเอกฉันท์
ิ
ึ
ี่
ู
้
ี
ี่
ุ
2.5 เพื่อทจะประสานความรสกทไม่ดต่อกันระหว่างบคคล
ี
3. พฤตกรรมแบบประนประนอม ควรจะใช้วิธการน้เมอ
ื่
ิ
ี
ี
้
3.1 เปาหมายของความขัดแย้งมความส าคัญในระดับปานกลาง และไม่ค้มกับความ
ี
ุ
ื
พยายามหรอการออกแรงเพื่อจะเอาชนะ
ื
ี
ี
้
ื่
ี่
3.2 เมอค่ขัดแย้งมอ านาจหรอมพวกมากพอ ๆ กัน และมเปาหมายทต่างกันอย่าง
ู
ี
ชัดเจน
ี่
3.3 เพื่อให้สามารถตกลงกันได้ชั่วคราวในประเด็นขัดแย้งทซับซ้อน
ี
ั
ี่
ี่
3.4 เพื่อให้ได้วิธแก้ปญหาทพอยอมรบกันได้ภายในเวลาทจ ากัด
ั
3.5 ใช้เปนทางสายกลางในการแก้ปญหาความขัดแย้งเมอใช้วิธการแข่งขันหรอ
ื
็
ั
ี
ื่
ื
การร่วมมอไม่ได้ผล