Page 58 - 049
P. 58
44
ี
2. แนวคดแบบใหม่ แนวความคดน้เชอว่าความขัดแย้งจะต้องเกิด หนไม่พ้น และ
ิ
ี
ื่
ิ
ุ
ี่
ี
ั
ี่
ึ
ุ
็
บางคร้งก็เปนทต้องการ จงควรมการกระต้นและควบคมให้อยู่ในขอบเขตทจ ากัด
ื่
ี่
แนวคดของ คารล มากซ (Karl Marx) เชอว่าความขัดแย้งและการเปลยนแปลงเปนของ
์
ิ
็
์
ึ
ู
ิ
็
ค่กัน เปนกฎพื้นฐานของชวิต เปนสภาพปกตของสังคม โดยความขัดแย้งเร่มทเศรษฐกิจซง
ี
็
ิ
่
ี่
ื่
ี่
็
ู
ื่
หลกเลยงได้ยาก แล้วจะน าไปส่ความขัดแย้งทางสังคม และเชอในการใช้ความขัดแย้งเปนเครองมอ
ื
ี
ในการเปลยนสังคม โดยอยู่บนพื้นฐานของการศกษาความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ ทฤษฎความขัดแย้ง
ึ
ี่
ี
ิ
ของคารล มากซได้อธบายว่าสังคมเปนอย่างไร และมแนวทางในการเปลยนสังคมอย่างไร (พรนพ
็
ี่
ี
์
์
พุกกะพันธ, 2542)
์
ิ
แนวคดของ Coser (1956) ได้พัฒนาแนวคดทเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใน
ี่
ิ
ึ
ื
การบูรณาการทางสังคมข้น 16 ข้อคอ
้
ู
ุ
ื่
์
1. ความขัดแย้งกับกล่มอนน าไปส่การสรางเอกลักษณและการสรางความเข็มแข็งของ
้
กล่ม
ุ
ั
ุ
์
ั
2. ความขัดแย้งในบางคร้งช่วยรกษาความสัมพันธระหว่างกล่มได้ โดยยอมให้ระบาย
ความกดดันออกไปบ้าง
ุ
ิ
ี
ึ
ุ
ี
ิ
3. ความขัดแย้งจรงมจดประสงค์ ความขัดแย้งไม่จรงม่งลดความตงเครยด
4. ความขัดแย้งเปนความสัมพันธทางสังคมรปแบบหนงซงเกิดข้นได้ในสภาพทม ี
่
็
ู
ึ
ึ
่
ึ
ี่
์
์
ปฏสัมพันธกัน
ิ
ี
ิ
5. ความสัมพันธกันอย่างใกล้ชดจะมความขัดแย้งเช่นเดยวกับมสันตภาพ
ี
ี
์
ิ
ี
ึ
์
ิ
6. ความสัมพันธมมากอารมณพฤตกรรมจะมากข้นตามไปด้วย
์
7. ความขัดแย้งบางคร้งน าไปส่การขจัดเหตของความขัดแย้งออกไปและยืนยัน
ั
ู
ุ
่
ความสัมพันธของทั้งสองฝายใหม่
์
์
ี่
8. ความสัมพันธทไม่แข็งแรงอาจถดถอยจากความขัดแย้ง และในความสัมพันธท ี่
์
ั
เข้มแข็งบ่อยคร้งทแสดงถงความขัดแย้ง
ี่
ึ
ุ
ี
9. ความขัดแย้งกับกล่มภายนอกจะท าให้เกิด ความกลมเกลยว การรวมอ านาจ
การเคลอนย้ายทรพยากร
ื่
ั
ึ
ี่
ุ
10. ความขัดแย้งกับกล่มภายนอกยิ่งเพิ่มมากข้น ความอดทนต่อพฤตกรรมเบยงเบน
ิ
ภายในจะลดลง
ี
ุ
ุ
ี
ั
ุ
11. ความต้องการทจะมความสามัคคภายในกล่ม บ่อยคร้งจะน ากล่มไปขัดแย้งกับกล่ม
ี่
อน
ื่