Page 244 - 022
P. 244

244








                                                               ิ
                                                  ิ
                                    ี
                              8. ไม่มส่วนผสมทเปนส่งสกปรกหรอส่งต้องห้าม (Bukhari: 2236)
                                                            ื
                                               ็
                                             ี่
                                       ี
                                                                                                ิ
                                                                                              ี
                                        ี่
                                                                    ื
                              9. ในกรณทจะออกนอกบ้านเครองส าอางหรอเครองประดับนั้นจะต้องไม่มกล่นหอม (Al-
                                                         ื่
                                                                        ื่
                                Tirmidhi: 2786, 2787)
                                                   2
                                                                        ็
                                                                                                  ี่
                                                                                       ื
                              10. การแต่งตัวหรอเสรมสวยนั้นเพื่อค่สมรสเปนอันดับแรก หรอแก่บคคลทสามารถ
                                                                ู
                                                                                             ุ
                                              ื
                                                   ิ

                                                                                                ี่
                                เปดเผยความงามได้ ตามทปรากฏในอัลกุรอาน สเราะฮ์ท 24 อัลนร โองการท 31
                                                      ี่
                                                                                ี่
                                                                                       ู
                                  ิ
                                                                         ู
                                             ั
                              4.3.2 วัฒนธรรมสนทนาการ
                                     ึ
                              ในการศกษาบทบาทด้านวัฒนธรรมสันทนาการของเศาะหาบยาตในสมัยของท่านนบ 
                                                                                  ี
                                                                                                       ี
                       ผู้วิจัยได้แบ่งสันทนาการของเศาะหาบยาตออกเปน 2 ประเดนใหญ่ๆ คอ 1) การรองเพลง 2)
                                                         ี
                                                                                                ้
                                                                             ็
                                                                   ็
                                                                                       ื
                                3
                       การละเล่น  ซงมรายละเอยดดังน้  ี
                                    ี
                                  ึ
                                            ี
                                  ่
                              1) การรองเพลง
                                    ้
                                                                                   ุ
                                                ็

                                                                                       ื
                                                                                            ิ
                                                   ิ
                                                                    ิ
                                  ้
                                                                ิ
                              การรองราท าเพลงเปนศลปะการบันเทงชนดหนงทมอยู่ในทกเช้อชาตของมนษย์ ชาว
                                                                         ่
                                                                           ี่
                                                                             ี
                                                                                                   ุ
                                                                         ึ
                                                      ี
                                                                 ี
                                                                                   ิ
                                                                                      ็
                                                  ุ
                                  ิ
                                                                                                   4
                                                                                                      ิ
                                         ้
                                        ู
                           ั
                       อาหรบก่อนอสลามรจักการใช้สนทรยภาพของเสยงเพลงในการบันเทงเปนเวลานานแล้ว  ศลปะ
                       การรองเพลงของชาวอาหรบมความสัมพันธใกล้ชดกับการขับล าน าบทกวี (‘Ali, 1993: 5/106) สตร ี
                                                                ิ
                                                           ์
                           ้
                                                ี
                                             ั
                                                                                                 ิ
                                      ิ
                                                                          ้
                               ั
                                            ี
                       ชาวอาหรบก่อนอสลามมบทบาทส าคัญในการใช้ศลปะการรองเพลงเพื่อให้ควำมบันเทงแก่สังคม
                                                                  ิ
                                                                                                       ี่
                                                                                                        ื่
                       ในงำนต่ำงๆ เช่น งำนแต่งงำน งำนมหรสพและงำนวันตรษ ตลอดจนในสถำนทรนเรง สถำนทดม
                                                                                          ี่
                                                                       ุ
                                                                                           ื่
                                                                                               ิ
                                                                          ี
                                                                                                 ิ
                                                                                                       ้
                                                                                            ็
                                                                         ี่
                                                                            ื่
                                                                                               ิ
                                                                               ี
                       เหล้ำหรอสถำนทพบปะสังสรรค์ต่ำงๆ พวกนำงหลำยคนทมชอเสยงด้วยอำชพเปนศลปนนักรอง
                                                                                         ี
                                      ี่
                             ื
                       (Savaş, 1991: 26)
                              หลังจำกเข้ำส่ยุคอสลำมแล้วบทบำทของสตรในกำรรองเพลงเพื่อควำมบันเทงในโอกำส
                                                                    ี
                                         ู
                                                                                                ิ
                                             ิ
                                                                            ้
                       ต่ำงๆ ยังปรำกฏให้เหนในรำยงำนต่ำงๆ ทั้งในต ำรำประวัตศำสตรและในต ำรำหะดษ ในศอฮหบคอ
                                                                                            ี
                                                                                                       ุ
                                                                             ์
                                                                       ิ
                                                                                                      ์
                                                                                                    ี
                                        ็
                       รย์เล่ำว่ำคร้งหนงในวันอด ท่ำนนบ  เข้ำมำหำท่ำนหญงอำอชะฮ์ซงในขณะนั้นมเด็กสำว สองคน
                                    ึ
                                                                                ่
                                                                                ึ
                                                                                            ี
                                           ี
                                                    ี
                                                                                                   5
                                    ่
                                                                           ิ
                                ั
                                                                      ิ
                        ี

                       1
                                                  ี
                                                    ์
                               ี
                                         ็
                                   ิ
                                              ี
                        อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษศอฮห (Al-Albani, 1997b: 2/258)
                       2
                                                                        ี
                                                                                              ์
                                                ี่
                                                      ็
                                           ี
                                                                                             ี
                                                                                        ี
                                   ิ
                                                           ี
                                                                             ี่
                               ี
                                                                                   ็
                        อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าหะดษเลขท 2786 เปนหะดษหะสันและหะดษเลขท 2787 เปนหะดษศอฮห (Al-Tirmidhi,
                        n.d.: 625)
                       3  ในการแบ่งน้ผู้วิจัยใช้กรอบจากหะดษทรายงานโดยอัลมุฏฏอลบ อบน อับดลลอฮ จากท่านนบ  กล่าวว่า “
                                                  ี
                                                                                            ี
                                 ี
                                                                              ุ
                                                                        ิ
                                                    ี่
                                                                          ุ
                                                                     ิ
                                                                                   ฺ
                                                       ” (Al-Bayhaqi, 2003a: 8/486)
                       4  ดรายละเอยดเพ่มเตมเกี่ยวกับวิวัฒนาการศลปะการรองเพลงของชาวอาหรบใน Ibn Khaldun, 2005: 2/324-331
                                   ิ
                                                             ้
                                                      ิ
                                      ิ
                               ี
                                                                             ั
                         ู
                       5
                                          ั
                                ี
                        ตัวบทหะดษภาษาอาหรบใช้ค าว่า “   ” ซงอบน อัลก็อยยิมอธบายว่าเปนเด็กสาวทยังไม่บรรลศาสนภาวะ
                                                                         ิ
                                                               ุ
                                                                                         ี่
                                                                                ็
                                                          ่
                                                          ึ
                                                                                                 ุ
                                                            ิ
                        (Ibn Qayyim Al-Jawziyah, 1432: 452)
   239   240   241   242   243   244   245   246   247   248   249