Page 249 - 022
P. 249
249
็
ี
ิ
ี
ั
ฉลองวันอด งานพิธมงคลสมรส งานส่งตัวเจ้าสาว งานต้อนรบการกลับมาของผู้เดนทางไกล เปน
1
ต้น รวมถงการรองเพลงเพื่อความบันเทงเพลดเพลนทั่วไปในครอบครว
ิ
ึ
ิ
้
ิ
ั
่
2) การละเลน
่
การละเล่นเปนการพักผ่อนหย่อนใจประการหนงและมความส าคัญต่อจตใจและสตปญญา
ั
็
ี
ิ
ึ
ิ
็
ี่
ิ
ี
็
เปนอย่างยิ่ง ดังทอมามอัลฆอซาลย์กล่าวว่า การละเล่นเปนการพักผ่อนหย่อนใจและผ่อนคลาย
ื้
ี
ิ
ความเครยดจากความอ่อนล้าต่างๆ การพักผ่อนหย่อนใจจะช่วยร้อฟนความสดใสให้แก่จตใจและ
ื
็
ึ
ั
ิ
ิ
ความคดข้นมาใหม่ การละเล่นจงเปนโอสถทางจตใจในการรกษาความเบอหน่ายและความ
ื่
ึ
ุ
ิ
ึ
ุ
ี
ิ
อ่อนเพลย ด้วยเหตน้ ีอสลามจงอนมัตการละเล่น แต่อย่างไรก็ตามจะต้องไม่มากจนเกินไป
ั
เหมอนกับการไม่ควรรบประทานโอสถมากจนเกินขนาด (Al-Ghazali, n.d.: 2/284)
ื
็
ึ
ิ
ิ
ิ
่
ุ
ิ
ุ
ิ
ศาสนาอสลามไม่เคยปฏเสธข้อเท็จจรงอันเปนธรรมชาตของมนษย์ ซงธรรมชาตของมนษย์
ิ
ุ
ทกคนทั้งชายและหญงต้องการการพักผ่อนหย่อนใจเพื่อคลายความอ่อนเพลย ความอ่อนล้าและ
ี
ึ
่
ี
็
ึ
่
ี
ความตงเครยดต่างๆ การละเล่นก็เปนการพักผ่อนหย่อนใจประการหนง ซงท่านนบ เองก็ชอบใน
ึ
็
ุ
ส่งทเปนความสขและสนกสนาน (Abu Dawud: 2774) ในขณะเดยวกันท่านนบ ได้ขอพรจาก
ี
ิ
2
ี่
ี
ุ
ิ
ี่
็
ี
พระเจ้าให้ห่างไกลจากส่งทเปนทกข์และความเศราโศกต่างๆ (Bukhari: 6369) อกทั้งท่านนบ ยัง
ี
ุ
้
ี
ิ
ได้ส่งเสรมให้มการละเล่นโดยกล่าวว่า
ิ
ื่
่
้
้
ี่
ความว่า “จงรนเรง และจงละเลนกันเถอะ แทจรงฉนรงเกยจทจะใหศาสนาของเจา
้
ั
ั
ี
ิ
3
้
่
ถูกมองวาเปนศาสนาทหยาบกระดาง” (Al-Bayhaqi, 2003a: 8/486)
ี่
็
1 อมาม อัลฆอซาลย์ได้กล่าวถงบทบัญญัตอสลามเกี่ยวกับการรองเพลงอย่างละเอยด โดยได้น าเสนอทัศนะของ
ิ
ี
ึ
ิ
้
ิ
ี
ี่
็
ุ
ี
บรรดาอลามอ์ทั้งทเหนด้วยและทไม่เหนด้วยกับการรองเพลงโดยมหลักฐานประกอบทั้งสองฝาย และในช่วง
็
่
ี่
้
้
ี่
้
ท้าย อมาม อัลฆอซาลย์ได้พยายามหักล้างหลักฐานของผู้ทเหนว่าการรองเพลงเปนทต้องห้ามในอสลาม พรอม
ิ
็
ี
็
ิ
ี่
กันนั้น อมาม อัลฆอซาลย์ได้วางกรอบลักษณะการรองเพลงทอสลามอนมัต ดรายละเอยดเพ่มเตมใน Al-
ิ
ู
ิ
ิ
ี
ิ
ุ
ี่
ิ
ี
้
Ghazali n.d.: 2/266-284
2
ิ
ี
็
ี
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษหะสัน (Al-Albani, 1998b: 2/180)
3 อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษเมาฎอ์ ( ) (Al-Albani 1988a, 174) ส่วน Mukhtar Ahmad al-Nadwi
ี
ิ
ี
็
ู
ี
ื่
์
ี่
็
ี
ี
ื่
ิ
ุ
ี
์
ิ
ี
ี่
ิ
กล่าวว่าเปนหะดษทมอสนาดทฎออฟ เพราะมผู้รายงานชอว่า ยะหยา อบน ยะหยา อัลฆอสานย์ และชอน้ปรากฏ
ี
ุ
อยู่ในต ารา “Al-Du‘afa’ ” ของอัลซะฮาบย์ ส่วนอะหมัดได้กล่าวไว้ในต ารา “Fayd al-Qadim” ว่าบคคลน้ไม่ม ี
ี
์
ื่
ึ
ี
ั
ื่
ี
ื
ปญหาในเรองความน่าเชอถอ ( ) และอัลสะยูฏย์ได้บันทกหะดษน้ในต ารา “Al-Jami‘ al-Saghir” (Al-
ี
Bayhaqi, 2003a: 8/485-486)