Page 242 - 022
P. 242
242
ี่
ื
ี
ี
ื
ี
้
ท่านนบ ปฏเสธพรอมกับสั่งให้นางทาสมอทั้งสองข้างของนางด้วยต้นเทยนก่อน เพราะมอทไร ้
ิ
1
ี
้
ื
ื
ุ
ี
สต้นเทยนนั้นเสมอนมอของสัตว์ดราย (Abu Dawud: 4165 ; Abadi, 2005: 1896) นอกจากน้ม ี
ี
่
ึ
ื
ี
รายงานจากท่านหญงอาอชะฮ์เล่าว่า มสตรคนหนงยื่นหนังสอฉบับหนงผ่านม่านไปยังท่านนบ
ิ
ิ
ี
ี
่
ึ
่
ั
็
ื
ั
้
ื
ี
ื
และท่านนบ รบหนังสอนั้นพรอมกับกล่าวว่า “ฉนไมทราบวามอทยนหนังสอฉบับน้เปนมอของ
่
ื
ี
ี่
ื่
ผูชายหรอมอของผูหญง” ผู้หญงคนนั้นตอบว่า “ มอของผูหญง” ท่านนบ จงกล่าวว่า “หากคณ
ี
ุ
ึ
ิ
ิ
ื
้
ื
ื
้
้
ิ
็
3
เปนผูหญงจงทาสเล็บมอของคณดวยตนเทยน” (Abu Dawud: 4166; Al-Nasa’i: 5089)
ุ
้
้
้
ี
ื
ิ
ี
2
ี
นอกจากการทาสเล็บและมอแล้วยังพบรายงานว่ามเศาะหาบยะฮ์บางท่านในยุคสมัยของ
ื
ี
ี
4
ุ
ี
ี
ี
ท่านนบ ใช้สมนไพรบางอย่างทาบนใบหน้า (Al-Tirmidhi: 139) อกทั้งมการถอนขนบน
่
ิ
ิ
ี
ี
ี
ี
ื่
ึ
ใบหน้าเพื่อสวยงามอกด้วย ดังมสตรคนหนงเข้าไปถามท่านนหญงอาอชะฮ์ในเรองน้โดยกล่าวว่า
้
่
ั
ื่
้
ั
้
ี
ั
ิ
ิ
้
“โอมารดาผูศรทธา ! ใบหนาของดฉนมขนมาก หากดฉนถอนมันเพอใหเกดความสวยงามแกสาม ี
ิ
ิ
ื
ดฉนไดหรอไม ?” ท่านหญงอาอชะฮ์ได้ตอบอนญาตให้นางกระท าได้ (‘Abd al-Razzaq, 1983:
ั
ุ
ิ
้
่
ิ
3/146)
ี
นอกจากน้ท่านนบ ยังส่งเสรมให้มการย้อมผมหงอก โดยทท่านนบ ได้กล่าวไว้ว่า
ี่
ี
ิ
ี
ี
ื
้
้
ี
“พวกเจาจงยอมผมหงอก และอยาท าใหเหมอนกับพวกยว” (Al-Nasa’i: 5074) และท่านนบ ได้
้
5
ิ
่
์
่
้
ี
กล่าวอกว่า “แทจรงชาวยวและครสตนั้นไมยอมผมหงอก พวกเจาจงปฏบัตตรงกันขามกับพวกเขา”
้
ิ
้
ิ
ิ
ิ
ิ
้
6
ี
ี
(Al-Nasa’i: 5072) ในยุคสมัยของท่านนบ มสตรทใช้ต้นเทยนในการย้อมผมหงอก ดังมรายงาน
ี่
ี
ี
ี
่
ึ
ิ
ิ
ี
ี
ี
ุ
จากนางกะรมะฮ์ บนต์ ฮมาม เล่าว่ามสตรคนหนงเข้าไปหาท่านหญงอาอชะฮ์และถามเกี่ยวการย้อม
ิ
่
ิ
้
ี
ั
ิ
ี
่
ผมด้วยต้นเทยน ท่านหญงอาอชะฮ์ตอบว่า “สามารถกระท าได แตฉนไมชอบมัน และทานนบ
่
ี
7
่
ี
ิ่
เองก็ไมชอบกลนของมัน” (Al-Nasa’i: 5090; Abu Dawud: 4164) ในอดตสตรให้ความส าคัญใน
ื่
ี่
ี่
็
ู
้
ี
การดแลและท าความสะอาดเสนผมเปนอย่างมากตามศักยภาพทมอยู่ในเวลานั้น เครองส าอางทใช้
ุ
ิ
ุ
ในการท าความสะอาดผมในสมัยนั้นประกอบด้วย ดนโคลน ( ) พืชสมนไพร อชนาน ( )
1
ี่
ี
ิ
ี
ี
็
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษทฎออฟ (Al-Albani, 1998a: 337)
2
ี่
ี
็
ี
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษทหะสัน (Al-Albani, 1998b: 3/536)
ิ
3
็
ี
ิ
ี
์
ี
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษศอฮห (Al-Albani, 1998d: 3/366-367)
4 ในตัวบทหะดษใช้ส านวนว่า “ ” อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษหะ
ี
็
ี
ี
ิ
ี
์
สัน ศอฮห (Al-Tirmidhi, n.d.: 44)
5
ี
ี
์
ิ
ี
็
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษศอฮห (Al-Albani, 1998d: 3/364)
6
็
ิ
ี
ี
ี
์
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษศอฮห (Al-Albani, 1998d: 3/363)
7
็
ี
ิ
ี
ี
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษฎออฟ (Al-Albani, 1998a: 337)