Page 235 - 022
P. 235
235
ี
่
ี
ิ
ุ
์
้
ิ
้
ื
หญงอมม์ สะละมะฮ์ ได้ถามท่านนบ ว่า “สตรละหมาดโดยการสวมใสเสอดรอ ( ) และผา
ี
้
คลุมศรษะ ( )โดยไมใสโสรง ( )ไดหรอไม ?” ท่านนบ ตอบว่า “ไดถาหากเสอดรอของ
้
่
ื
่
่
ี
ิ
่
์
ื
้
้
้
้
นางปกปดรางกายและยาวจนปดสนเทาทงสองขางของนาง” (Abu Dawud: 640) 1 และในรายงาน
้
่
ั้
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ของอมาม มาลก กล่าวว่าท่านหญงอาอชะฮ์เคยละหมาดโดยการสวมใส่เส้อดรอ์ ( ) และผ้าคลม
ิ
ุ
ื
2
ี
ศรษะ (Malik Ibn Anas: 349) นอกจากน้มรายงานในบคอรย์กล่าวว่าท่านหญงอาอชะฮ์เคยให้ยืม
ิ
ิ
ี
ี
ุ
ี
เส้อดรอ์แก่สาวๆ ชาวมะดนะฮ์เพื่อสวมใส่ในวันแต่งงานของพวกนาง (Bukhari: 2628) จากหะดษ
ื
ี
ี
ิ
ิ
ื
็
ทั้งหมดน้เข้าใจว่าดรอ์ เปนเส้อสตรชนดหนงทใหญ่สามารถปกปดทั่วร่างกายและยาวลงมาถงเท้า
ี่
ึ
ิ
ิ
ี
่
ึ
ี
ทั้งสองข้าง (Zaydan, 1993: 1/193)
ึ
ี่
ง. อซาร ( ) ซงเดมหมายถงการห่อหรอห้มบางอย่าง ในทน้หมายถงเครองแต่งกายชนด
ึ
ื
ี
่
ุ
์
ึ
ิ
ิ
ื่
ิ
่
ิ
ึ
หนงทปกปดร่างกายมนษย์ตั้งแต่เอวจรวดลงมาล่าง (Savaş, 1991: 204) ซงน่าจะเหมอนกับโสร่ง
ึ
ื
่
ุ
ี่
ุ
ื
ี
หรอกระโปรงในบ้านเราปจจบัน อซารในสมัยของท่านนบ ถอว่าเปนเครองแต่งกายทเปนทั้ง
ื่
์
ื
็
็
ั
ี่
ิ
ิ
ของผู้หญงและของผู้ชาย (Bukhari: 352; Al-Nasa’i: 285; Ibn Shabbah, 1979: 1/88: 3/957) ท่านนบ ี
ิ
ี
์
ี่
ได้สั่งห้ามทั้งชายและหญงสวมใส่อซารทยาวลากดนด้วยความหยิ่งยโส ดังมรายงานจากอบู
ิ
ิ
ี
่
ี่
ฮรอยเราะฮ์ ท่านนบ กล่าวว่า “ในวันกยามะฮ พระองคอลลอฮจะไมทรงทอดพระเนตรชายทดงอ ิ
์
ึ
ฺ
์
ุ
ั
็
ิ
้
้
ี
ิ
์
ิ่
ั
ั
ซารของเขาลงใหยาวดวยความหยงยโสโอหง” (Bukhari: 5788) ส าหรบ อซารของสตรนั้นมรายงาน
์
ี
ุ
ิ
ื
ึ
่
จากท่านหญงอมม์ สะละมะฮ์ว่าจะต้องยาวลงมาจากกลางน่องขาอกหนงคบหรอไม่เกินหนงศอก
่
ึ
ื
ี
ี
ิ
ี
ี
ี
(Abu Dawud: 4117) ทั้งน้เพื่อไม่ให้เปดเผยเท้าของนาง และในบางกรณพบว่ามเศาะหาบยาตบาง
3
ท่านสวมใส่เส้อผ้ายาวจนลากดน (Al-Tirmidhi: 143)
4
ิ
ื
ี
์
ั
ู
ิ
ิ
็
จ. สรวาล ( ) ค าว่าสรวาลเดมเปนภาษาเปอรเซย และถกน ามาใช้ในภาษาอาหรบ (Ibn
ิ
ื่
่
ึ
ึ
ื
ึ
Manzur, n.d.: 3/1999) ซงหมายถงเครองแต่งกายทปกปดร่างกายตั้งแต่สะดอจนถงหัวเข่า (Dayf,
ี่
ิ
ื
ั
ี
็
ิ
ุ
ี
2004: 428) หรอกางเกงในปจจบัน เศาะหาบยาตในสมัยของท่านนบ สวมใส่สรวาลเปนชั้นแรก
่
ี
ี
ั
ี
ึ
่
ึ
่
ุ
ี
ิ
โดยมเส้อผ้าทับอกชั้นหนง ดังมรายงานจากมญาฮดเล่าว่า คร้งหนงมสตรคนหนงตกลงมาจากหลัง
ี
ื
ึ
1
ี่
็
ี
ี่
ี
ิ
ู
ี
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษทฎออฟ (Al-Albani, 1998a: 54) ในขณะทอบ อสามะฮ์กล่าวว่าเปนหะดษเมา
ุ
ี
็
์
กูฟ ศอฮห ( ) (Malik Ibn Anas, 2003: 1/543-544)
ี
2 อบ อุสามะฮ์วินจฉัยว่าเปนหะดษเมากูฟศอฮห (Malik Ibn Anas, 2003: 1/543)
็
ี
์
ิ
ู
ี
3
ิ
ิ
ี
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษทศอฮห (Al-Albani 1998b: 2/523) และดค าอธบายหะดษเพ่มเตมใน Abadi,
็
ู
์
ี
ิ
ิ
ี
ี
ี่
2005: 1878
4
็
ี
ี
์
ี
ิ
อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษศอฮห (Al-Tirmidhi, n.d.: 45-46)