Page 227 - 022
P. 227
227
็
ื
่
ึ
็
ิ
ซงทั้งสองได้ครองเรอนอยู่ด้วยกันเปนเวลานานโดยชายไม่ได้ให้ส่งใดเปนค่ามะฮัรแก่หญงเลย ฝาย
ิ
่
์
ี
ุ
ุ
ุ
ี่
ี
์
็
ุ
ี่
ึ
่
ี
ชายเปนเศาะหาบะฮ์ทเคยเข้าร่วมในเหตการณหดัยบยะฮ์ ซงผู้ทมส่วนร่วมในเหตการณหดัยบยะฮ์
ี
ี่
ี
ี
นั้นจะได้ส่วนแบ่งในทรพย์สงครามทค็อยบัร เมอเศาะหาบะฮ์ท่านน้ใกล้จะเสยชวิตก็ได้สั่งเสยให้น า
ื่
ี
ั
ส่วนแบ่งของเขาจากทรพย์สงครามทค็อยบัรมาจ่ายเปนค่ามะฮัรให้แก่นาง (Abu Dawud: 2117)
ี่
็
1
ั
ี
จากรายงานทกล่าวมาทั้งหมดข้างต้นแสดงให้เหนว่าบรรดาเศาะหาบยาตมบทบาทส าคัญท ี่
ี่
ี
็
ี
ุ
จะช่วยขจัดอปสรรคของการแต่งงาน และสนับสนนให้เกิดการแต่งงานง่ายข้น ทั้งน้เพื่อไม่ให้ชาย
ึ
ุ
ี่
ั
หญงเกิดความสัมพันธนอกกฎหมายอันเปนปญหาส าคัญของสังคม โดยทพวกนางยอมเสยสละ
์
ิ
็
ี
ึ
่
ึ
ิ
ี
ื่
่
ี่
ิ
่
สทธบางส่วนของพวกนางในเรองค่ามะฮัร ซงบางท่านเรยกค่ามะฮัรในจ านวนทต ามากซงชาย
ิ
ุ
ิ
ี่
ี่
ี
สามารถหาได้ไม่ยากนัก บางท่านเรยกค่ามะฮัรทไม่ใช่ทรพย์สนเงนทอง แต่เปนคณค่าทมอยู่ในตัว
ี
ั
็
ุ
ี
ี่
ชาย และบางท่านยอมทจะรบมะฮัรในลักษณะการผ่อนช าระ ทั้งน้และทั้งนั้นก็เพื่อขจัดอปสรรคใน
ั
ั
ุ
ู
้
ี่
็
การสรางครอบครวอันเปนพื้นฐานส่สังคมทผาสกต่อไป
3) การจดงานเลี้ยงพิธมงคลสมรส (วะลีมะฮ)
ั
ี
์
ี
การจัดงานเล้ยงและเฉลมฉลองงานพิธมงคลสมรสเปนสนนะฮ์อย่างหนงของท่านนบ
ี
่
ุ
ิ
ี
ึ
็
ี่
ี
่
ดังทมหะดษกล่าวไว้ความว่า “... จงจดเล้ยงงานมงคลสมรสแมวาดวยแพะตัวหนงก็ตาม” (Bukhari:
ี
ึ่
้
ั
้
ี
ี
5167) และท่านนบ ได้ก าชับให้ผู้ทได้รบเชญให้มาในงานเล้ยงพิธมงคลสมรสจะต้องสนองตอบ
ิ
ี่
ี
ี
ั
ิ
ู
ค าเชญนั้น (Bukhari: 5173) มฉะนั้นถอว่าเปนการฝาฝนต่อพระองค์อัลลอฮและรสลของพระองค์
่
ื
ื
ิ
็
ฺ
(Bukhari: 5177) ในการจัดงานเล้ยงมงคลสมรสในสมัยของท่านนบ พบว่าบรรดาเศาะหาบยาตมี
ี
ี
ี
ิ
ิ
ื่
ี
บทบาทส าคัญทั้งในเรองการจัดเตรยมอาหาร การให้บรการอาหารแก่แขกและการให้ความบันเทง
็
ั
ิ
ี
ิ
ฺ
ุ
ตลอดจนการเข้าร่วมเปนแขกรบเชญในงานเล้ยงมงคลสมรส ในรายงานของอบน สะอด์เล่าว่า
ี
ี
ุ
็
ี
ุ
ท่านนบ ได้มอบหมายให้นางอมม์ สลัยม์เปนผู้เตรยมงานเล้ยงมงคลสมรสระหว่างท่านนบ
ี
ิ
ุ
ิ
กับท่านหญงศอฟยะฮ์ บนต์ หยัย (Ibn Sa‘d, 2001: 2/110) ซงมก าหนดเปนเวลาสามวัน (Al-Kattani,
ี
็
ี
่
ึ
n.d.: 2/103)
ี
ในบางกรณเจ้าสาวเปนผู้จัดเตรยมงานเองดังมรายงานว่าในงานเล้ยงมงคลสมรสของอบู
ี
็
ี
ี
2
ุ
อสัยด์ อัลสาอดย์เจ้าสาวของเขา เปนผู้ลงมอเตรยมอาหารและยกอาหารให้แก่แขกเอง ซงท่านนบ ี
ิ
ึ
่
็
ี
ี
ื
ก็อยู่ร่วมเปนแขกในงานนั้นด้วย (Bukhari: 5176) และมรายงานจากอนัส อบน มาลกเล่าว่า
ิ
ิ
ุ
็
ี
ู
ี
็
ุ
ท่านนบ เหนบรรดาสตรและเดกๆ ม่งหน้ากันไปในงานมงคลสมรส ท่านนบ ยืนมองดพวก
ี
็
ี
ี
้
ฺ
เขาด้วยความดใจพรอมกับราพึงออกมาความว่า “โอพระองคอลลอฮ พวกเจาทงหมดเปนบุคคลท ี่
ั้
้
็
ั
้
์
1 อัลอัลบานย์วินจฉัยว่าเปนหะดษศอฮห (Al-Albani, 1998b: 2/591)
ี
์
ี
็
ิ
ี
2
ี
ิ
ื่
ี
นางมชอว่าสะลามะฮ์ บนต์ วะฮบ ( ) (Ibn Hajar, 2005a: 11/553)