Page 51 - 015
P. 51
51
ี
ื่
ื
ุ
ื
ื่
2. Leader-constituent interaction เชอว่าผู้น าต้องมพลังวิเศษเหนอบคคลอนหรอม ี
ิ
ื่
ิ
ี่
ื
อทธพลเหนอบคคลอนๆเพื่อทสนองตอบความต้องการขั้นพื้นฐาน ความคาดหวังของบคคลและ
ุ
ุ
ี
ผู้น าต้องมความเปนตัวของตัวเอง สามารถพัฒนาตนเองและพัฒนาให้ผู้ตามมความแข็งแกร่งและ
็
ี
ิ
ี
ุ
ี
ี่
ื
ี
ี
สามารถยืนอยู่ด้วนตนเองอย่างอสระทฤษฎน้พบว่า ไม่มคณลักษณะทแน่นอนหรอช้ชัดของผู้น า
เพราะผู้น าอาจไม่แสดงลักษณะเหล่าน้ออกมา
ี
กลุมที่ 2 ทฤษฎีพฤติกรรมผูนา (Behavior Theory) ทฤษฎน้เปนการพัฒนาในช่วงป ี
่
้
ี
็
ี
ิ
ี่
ื
ิ
ี
็
ค.ศ.1940-1960 แนวคดหลักของทฤษฎ คอ ให้มองในส่งทผู้น าปฏบัตและช้ให้เหนว่าทั้งผู้น าและผู้ตาม
ี
ิ
ิ
่
ต่างมอทธพลซงกันและกัน นักทฤษฎ ได้แก่ Kurt Lewin, Rensis Likert, Blake and Mouton และ
ิ
ี
ึ
ิ
ี
Douglas McGregor
1. Kurt Lewin’s Studies แบ่งลักษณะผู้น าเปน 3 แบบ คอ
ื
็
1.1 ผู้น าแบบอัตถนยมหรออัตตา (Autocratic Leaders) จะตัดสนใจด้วยตนเอง ไม่ม ี
ิ
ิ
ื
ิ
้
ุ
ึ
ั
ึ
ื
เปาหมายหรอวัตถประสงค์แน่นอนข้นอยู่กับตัวผู้น าเอง คดถงผลงานไม่คดถงคน บางคร้งท าให้เกิด
ึ
ิ
ี
ี
ี
ู
ศัตรได้ ผู้น าลักษณะน้จะใช้ได้ดในช่วงภาวะวิกฤตเท่านั้น ผลของการมผู้น าลักษณะน้จะท าให้
ี
ิ
ิ
ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มความเชอมั่นในตัวเอง และไม่เกิดความคดรเร่มสรางสรรค์
ี
้
ิ
ื่
1.2 ผู้น าแบบประชาธปไตย (Democratic Leaders) ใช้การตัดสนใจของกล่มหรอให้ผู้
ิ
ิ
ื
ุ
ิ
ิ
ตามมส่วนร่วมในการตัดสนใจรบฟงความคดเหนส่วนรวม ท างานเปนทม มการสอสารแบบ 2 ทาง
ั
็
็
ั
ี
ื่
ี
ี
ิ
ั
ิ
ิ
ท าให้เพิ่มผลผลตและความพึงพอใจในการท างาน บางคร้งการองกล่มท าให้ใช้เวลานานในการตัดสนใจ
ุ
ี่
ระยะเวลาทเร่งด่วนผู้น าลักษณะน้ไม่เกิดผลด
ี
ี
ิ
1.3 ผู้น าแบบตามสบายหรอเสรนยม (Laissez-Faire Leaders) จะให้อสระกับ
ื
ิ
ี
ี่
ี่
ผู้ใต้บังคับบัญชาเต็มทในการตัดสนใจแก้ปญหา จะไม่มการก าหนดเปาหมายทแน่นอน ไม่มหลักเกณฑ์
ิ
้
ี
ี
ั
ี
ื
ิ
ไม่มระเบยบ จะท าให้เกิดความคับข้องใจหรอความไม่พอใจของผู้ร่วมงานได้และได้ผลผลตต า การ
ี
่
ี
ี
ั
ู
ท างานของผู้น าลักษณะน้เปนการกระจายงานไปทกล่ม ถ้ากล่มมความรบผิดชอบและมแรงจงใจในการ
็
ี
ี่
ุ
ุ
ี
ท างานสง สามารถควบคมกล่มได้ด มผลงานและความคดรเร่มสรางสรรค์
ู
ี
ุ
ุ
ิ
ิ
ิ
้
ี่
้
ื
ลักษณะผู้น าแต่ละแบบจะสรางบรรยากาศในการท างานทแตกต่างกัน ดังนั้นการเลอกใช้
ลักษณะผู้น าแบบใดย่อมข้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณด้วย
ึ
์
2. Likert’s Michigan Studies
2.1 Rensis Likert และสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยมชแกนท าการวิจัยด้านภาวะ
ิ
ิ
ี่
ิ
ึ
ื่
ื่
ื
ุ
ิ
ผู้น าโดยใช้เครองมอท Likert และกล่มคดข้น ประกอบด้วย ความคดรวบยอดเรองภาวะผู้น า
ิ
ื่
ิ
ิ
์
ิ
้
ิ
แรงจูงใจ การตดต่อสอสาร การปฎสัมพันธและการใช้อทธพล การตัดสนใจ การตั้งเปาหมาย การ
ควบคมคณภาพและสมรรถนะของเปาหมาย โดยแบ่งลักษณะผู้น าเปน 4 แบบ คอ
ุ
ื
้
ุ
็