Page 56 - 015
P. 56
56
ิ
็
ึ
่
ิ
ุ
ิ
ี
้
ใช้ความเปนผู้น าแบบน้ ีด าเนนงานให้บรรลเปาหมายอย่างมประสทธภาพเพียงชั่วระยะเวลาหนงท ี่
ค่อนข้างสั้น แต่เมอสภาพแวดล้อมเปลยนแปลงไปอย่างรวดเรว
็
ี่
ื่
ุ
์
ี
ั
ึ
ิ
ี
็
ปจจบันแต่ละองค์การมการแข่งขันมากข้น เบรนส จงได้เสนอวิธการของความเปนผู้น า
์
ึ
ี่
ี่
ู
ิ
ิ
แบบใหม่ทสามารถจงใจให้ผู้ตามปฏบัตงานได้มากกว่าทคาดหวังไว้ เรยกว่า ความเปนผู้น าเชงปฏรป
ู
ิ
ี
็
ิ
ื
่
ึ
ี่
(Transformational Leadership Theory) การทผู้น าและผู้ตามช่วยเหลอซงกันและกันเพื่อยกระดับ
ู
ขวัญและแรงจงใจของแต่ละฝายให้สงข้น แนวคดใหม่ของ เบรนส เชอว่า ความเปนผู้น าเชง
็
ิ
ู
ึ
ื่
์
่
ิ
์
ิ
็
็
ู
เปาหมายกับความเปนผู้น าเชงปฏรป เปนรปแบบทแยกจากกันโดยเดดขาด และการแสดงความเปน
ิ
ิ
็
็
ี่
้
ู
ื
ั
ิ
ู
ั
็
์
ิ
ิ
ุ
ี
ิ
ี่
ิ
ผู้น าทมประสทธภาพส าหรบสถานการณปจจบัน คอ การแสดงพฤตกรรมความเปนผู้น าในเชงปฏรป
ุ
์
็
เบรนส สรปลักษณะผู้น าเปน 3 แบบ ได้แก่
ิ
์
1. ผู้น าการแลกเปลยน (Transactional Leadership) ผู้น าทตดต่อกับผู้ตามโดยการ
ี่
ิ
ี่
ิ
ี
์
ี่
ี่
่
ึ
็
แลกเปลยนซงกันและกัน และส่งแลกเปลยนนั้นต่อมากลายเปนประโยชนร่วมกัน ลักษณะน้พบได้ใน
องค์กรทั่วไป เช่น ท างานดก็ได้เลอนขั้นท างานก็จะได้ค่าจ้างแรงงานและในการเลอกตั้ง
ี
ื่
ื
้
ั
ี
ุ
็
ื
ี่
ผู้แทนราษฎรมข้อแลกเปลยนกับชมชน เช่น ถ้าตนได้รบการเลอกตั้งจะสรางถนนให้ เปนต้น
ี่
ี่
2. ผู้น าการเปลยนแปลง (Transformational Leadership) ผู้น าทตระหนักถงความต้องการ
ึ
ู
ั
ของผู้ตาม พยายามให้ผู้ตามได้รบการตอบสนองสงกว่าความต้องการของผู้ตาม เน้นการพัฒนาผู้
็
ตาม กระต้นและยกย่องซงกันและกันจนเปลยนผู้ตามเปนผู้น า และมการเปลยนต่อๆกันไป เรยกว่า
ุ
ึ
ี่
ี่
่
ี
ี
ิ
็
Domino effect ต่อไปผู้น าการเปลยนแปลงก็จะเปลยนเปนผู้น าจรยธรรม ตัวอย่างผู้น าลักษณะน้ ี
ี่
ี่
ุ
ได้แก่ ผู้น าชมชน
ี่
ี่
3. ผู้น าจรยธรรม (Moral Leadership) ผู้น าทสามารถท าให้เกิดการเปลยนแปลงท ี่
ิ
์
ี
่
ึ
สอดคล้องกับความต้องการของผู้ตาม ซงผู้น าจะมความสัมพันธกับผู้ตามในด้านความต้องการ
ิ
ิ
(Needs) ความปรารถนา (Aspirations) ค่านยม (Values) และควรยึดจรยธรรมสงสด คอ ความเปน
ู
ื
ุ
็
ี่
ธรรมและความยุตธรรมในสังคม ผู้น าลักษณะน้ม่งไปส่การเปลยนแปลงทตอบสนองความต้องการ
ี่
ิ
ุ
ี
ู
็
และความจ าเปนอย่างแท้จรงของผู้ตาม
ิ
ิ
็
ป ค.ศ.1985 แบสส (Bass) พบว่า แนวคดพฤตกรรมความเปนผู้น าของเขาขัดแย้งกับ
์
ิ
ี
์
ิ
ิ
ุ
ิ
์
์
ิ
ึ
แนวคดของเบรนส ซง แบสส พบว่า พฤตกรรมของผู้น าในการน ากล่มให้ปฏบัตงานอย่างใดอย่าง
ิ
่
็
ึ
่
ี
หนงให้ได้ผลดยิ่งข้ ึนหรอให้ได้ผลเกินความคาดหวัง ผู้น าจะต้องแสดงความเปนผู้น าทั้ง 2
ื
็
ิ
้
ลักษณะร่วมกัน คอ ความเปนผู้น าเชงเปาหมาย และความเปนผู้น าเชงปฏรป โดยทศทางการแสดง
ื
ิ
ู
ิ
ิ
็
ิ
ิ
ิ
็
ื
ิ
้
ู
พฤตกรรมความเปนผู้น าจะออกมาในสัดส่วนของความเปนผู้น าเชงปฏรปหรอเชงเปาหมายมาก
็
น้อยเพียงใดนั้นข้นอยู่กับ
ึ