Page 55 - 015
P. 55

55








                                                    ึ
                                                       ็
                                                          ุ
                                                   ่
                        ื
                                  ้
                                                ู
                                                                ี่
                                                                 ี
                                                                                             ื
                       คอ ความพรอมอยู่ในระดับสง ซงเปนบคคลทมทั้งความสามารถและเต็มใจหรอมั่นใจในการ
                       รบผิดชอบการท างาน
                        ั
                                 4. Fiedler’s Contingency Model of Leadership Effectiveness
                                                              ิ
                                 Fiedler กล่าวว่า ภาวะผู้น าทมประสทธภาพต้องประกอบด้วยปจจัย 3 ส่วน คอ
                                                         ี
                                                        ี่
                                                                                     ั
                                                                                                ื
                                                                 ิ
                                                                      ิ
                                                                                    ี
                                 1)  ความสัมพันธระหว่างผู้น าและผู้ตาม บคลกภาพของผู้น า มส่วนส าคัญ ทจะท าให้กล่ม
                                                                   ุ
                                               ์
                                                                                               ี่
                                                                                                        ุ
                           ั
                       ยอมรบ
                                                        ี่
                                          ้
                                                                                  ้
                                 2)  โครงสรางของงาน งานทให้ความส าคัญ เกี่ยวกับโครงสรางของงานอ านาจของผู้น าจะ
                                                 ิ
                                                                               ึ
                                                                     ี
                       ลดลง แต่ถ้างานใดต้องใช้ความคด การวางแผน   ผู้น าจะมอ านาจมากข้น
                                                       ี่
                                                            ื
                                                                ี่
                                                                              ี่
                                                     ี่
                                                         ุ
                                                                               ุ
                                                                  ็
                                 3) อ านาจของผู้น า ผู้น าทดทสด คอ ผู้ทเหนงานส าคัญทสด แต่ถ้าผู้น าทจะท าเช่นน้ได้ผู้น า
                                                                                          ี่
                                                                                                    ี
                                                      ี
                                          ิ
                       ต้องมอ านาจและอทธพลมาก แต่ถ้าผู้น ามอทธพลหรออ านาจไม่มากพอจะกลายเปนผู้น าทเหน
                                                                                               ็
                                                                     ื
                                                               ิ
                                                             ิ
                                       ิ
                                                                                                      ี่
                            ี
                                                                                                        ็
                                                           ี
                                                                        ็
                       ความส าคัญของสัมพันธภาพระหว่างผู้น าและผู้ตามมากกว่าเหนความส าคัญของงาน
                                                                                     ี
                                 ทฤษฎของ Fiedler  ภาวะผู้น าทมประสทธภาพหรอไม่มประสทธภาพข้นอยู่กับ
                                                                                          ิ
                                                                                             ิ
                                                                ี
                                                              ี่
                                                                                                  ึ
                                      ี
                                                                        ิ
                                                                               ื
                                                                     ิ
                       สถานการณ ถ้าสัมพันธภาพของผู้น าและผู้ตามด และมโครงสรางของงานชัดเจน ผู้น าจะสามารถ
                                                                             ้
                                                                      ี
                                                                ี
                                 ์
                            ุ
                       ควบคมสถานการณขององค์กรได้
                                       ์
                                                                  ู
                                               ี
                                                      ็
                                                                 ิ
                                                             ิ
                                 กลุมที่ 4  ทฤษฎความเปนผู้น าเชงปฏรป (Transformational  Leadership  Theories) จาก
                                   ่
                                                                                       ิ
                       สภาพแวดล้อมทมการเปลยนแปลงตลอดเวลา มีการแข่งขันเพื่อชงความเปนเลศ ดังนั้นวิธทจะท าให้
                                      ี
                                                                                                 ี
                                            ี่
                                                                                                   ี่
                                                                             ิ
                                                                                    ็
                                     ี่
                                                                                      ์
                                                                                   ์
                       ผู้บรหารประสบความส าเรจสงสด คอ ผู้บรหารต้องเปลยนแปลงตนเอง เบรนส (Burns) เสนอความเหน
                                                         ิ
                          ิ
                                                 ุ
                                                    ื
                                                                                                        ็
                                            ็
                                                                                  ิ
                                                                    ี่
                                               ู
                                                                 ุ
                                                                              ุ
                                                                                      ี
                                                                                            ู
                                                                                            ้
                                                  ็
                                                     ั
                                                                                                       ื่
                                        ็
                       ว่า การแสดงความเปนผู้น ายังเปนปญหาอยู่จนทกวันน้ ี เพราะบคคลไม่มความรเพียงพอในเรอง
                                                    ์
                                           ็
                                                                                 ิ
                                                   ิ
                                                          ิ
                                                       ์
                                                                                           ็
                       กระบวนการของความเปนผู้น า เบรนส อธบายความเข้าใจในธรรมชาตของความเปนผู้น าว่าตั้งอยู่บน
                                                                                   ์
                                                       ็
                                                                        ี
                       พื้นฐานของความแตกต่างระหว่างความเปนผู้น ากับอ านาจทมส่วนสัมพันธกับผู้น าและผู้ตาม  อ านาจจะ
                                                                      ี่
                              ื่
                           ึ
                                                                                                    ้
                                                                                                  ุ
                                                                              ิ
                                          ิ
                                                ั
                       เกิดข้นเมอผู้น าจัดการบรหารทรพยากร  โดยเข้าไปมอทธพลต่อพฤตกรรมของผู้ตามเพื่อบรรลเปาหมาย
                                                                  ิ
                                                                    ิ
                                                                 ี
                        ี่
                                                                                    ู
                                                    ึ
                       ทตนหวังไว้ ความเปนผู้น าจะเกิดข้นเมอการบรหารจัดการท าให้เกิดแรงจงใจ และน ามาซงความพึง
                                                                                                 ึ
                                                                                                 ่
                                                              ิ
                                                       ื่
                                        ็
                                                    ็
                                                       ู
                       พอใจต่อผู้ตาม ความเปนผู้น าถอว่าเปนรปแบบพิเศษของการใช้อ านาจ (Special form of power)
                                         ็
                                               ื
                                      ์
                                                                             ิ
                                    ์
                                 เบรนส (Burns)  ได้เสนอทฤษฎความเปนผู้น าเชงปฏรป (Transformational  Leadership
                                   ิ
                                                                 ็
                                                           ี
                                                                         ิ
                                                                              ู
                                                                                      ้
                                                    ิ
                                      ิ
                                       ์
                                            ื่
                                                             ี
                       Theory)  เดม เบรน เชอว่า ผู้บรหารควรมลักษณะความเปนผู้น าเชงเปาหมาย (Transactional
                                                                                   ิ
                                  ิ
                                                                           ็
                                                   ี
                                                        ี่
                       Leadership) โดยอธบายว่า เปนวิธการทผู้บรหารจูงใจผู้ตามให้ปฏบัตตามทคาดหวังไว้ ด้วยการระบ ุ
                                       ิ
                                               ็
                                                           ิ
                                                                             ิ
                                                                                     ี่
                                                                                ิ
                                                                                                  ุ
                       ข้อก าหนดงานอย่างชัดเจน และให้รางวัล เพื่อการแลกเปลยนกับความพยายามทจะบรรลเปาหมาย
                                                                                                   ้
                                                                                          ี่
                                                                        ี่
                                          ี่
                                               ี
                                                                                              ุ
                       ของผู้ตาม การแลกเปลยนน้จะช่วยให้สมาชกพึงพอใจในการท างานร่วมกันเพื่อบรรลเปาหมายของ
                                                            ิ
                                                                                                ้
                       งาน ความเปนผู้น าเชงเปาหมายจะมประสทธภาพสงภายใต้สภาพแวดล้อมทค่อนข้างคงท ผู้บรหารจะ
                                                                                                    ิ
                                 ็
                                                           ิ
                                                                                                ี่
                                                         ิ
                                                    ี
                                                                 ู
                                                                                     ี่
                                          ้
                                        ิ
   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60