Page 176 - 015
P. 176
168
่
ุ
็
ี่
็
ี
ึ
ต่างๆ เปนต้น ซงงานเหล่าน้เปนงานทสนับสนนงานวิชาการอย่างมาก เช่น งานวิชาการจะประสบ
ี
ิ
ี
ี
ื่
ี
ความส าเรจได้ต้องมอาคารสถานท มห้องเรยน มห้องปฏบัตการ มโต๊ะเก้าอ้ มสอการสอนต่างๆ ม ี
ี่
ิ
ี
ี
ี
็
ิ
ิ
ี
่
็
งานบรการให้ความสะดวกต่างๆ ซงส่งเหล่าน้เปนบทบาทของการบรหารงานธรการ นั่นเอง การ
ิ
ุ
ึ
ึ
ุ
ี
ุ
บรหารงานธรการ จงมส่วนช่วยให้การพัฒนาคนให้มคณภาพได้อย่างมาก
ี
ิ
5.2.2.4 ดานงานกิจรรมนกเรยน พบว่า ทกข้ออยู่ในระดับมาก เรยงล าดับค่าเฉลย
ุ
ี่
ี
้
ั
ี
ุ
ิ
ุ
มากสดคอ จัดกิจกรรมส่งเสรมคณธรรมจรยธรรม รองลงมายกย่องและให้รางวัลผู้เรยนทเรยนด/ ี
ี
ื
ี่
ิ
ี
ิ
ื่
ี
ิ
ี
ู
้
ิ
็
ประพฤตด และจัดกิจกรรมส่งเสรมความซอสัตย์ ทั้งน้อาจเปนเพราะว่าอหม่ามมความรความเข้าใจ
ี
ิ
ี
ี
ิ
็
ึ
เกี่ยวกับหลักธรรมทางศาสนา สามารถฝกปฏบัตเปนแบบอย่างทด มคณธรรมจรยธรรมประจ าตัว
ุ
ี่
ิ
ี
รกความถกต้อง ความเปนธรรม มความเมตตากรณา มความรกใคร่สามัคคกับผู้ร่วมงาน เสยสละ
็
ี
ี
ุ
ู
ี
ั
ั
ี
ี
์
ประโยชนส่วนตนเพื่อประโยชนส่วนรวมจงได้ส่งเสรมการจัดกิจกรรมนักเรยนในศูนย์ฯ(ตาดกา)
์
ึ
ิ
ี
ุ
ิ
ั
ึ
ี่
ิ
สอดคล้องกับงานวิจัยของ ระเบยบ สมจตร (2542 : บทคัดย่อ) ทได้ศกษาคณธรรมส าหรบผู้บรหาร
ึ
ิ
็
ุ
ตามความคดเหนของบคลากรในหน่วยงานส่วนกลางของกรมการศกษานอกโรงเรยน
ี
ิ
ิ
ึ
ุ
กระทรวงศกษาธการพบว่า คณธรรมของผู้บรหารสถานศกษา โดยรวมทกด้านอยู่ในระดับมาก และ
ุ
ึ
ิ
ิ
ึ
สอดคล้องกับแนวคดของ โกสม ผือโย (2548 : 4) กล่าวว่า ผู้บรหารต้องจัดการศกษาให้การอบรม
ุ
สั่งสอนคณธรรมจรยธรรมและกระท าตนเปนแบบอย่าง รวมทั้งการจัดประสบการณทั้งทางตรงและ
็
ิ
ุ
์
ี่
้
ี
ั
ิ
ทางอ้อมทเหมาะสม ท าให้ผู้เรยนเกิดการเรยนรได้พัฒนาปรบปรง เปลยนแปลงพฤตกรรมอันพึง
ู
ุ
ี
ี่
ื่
ี
ประสงค์ในด้านความรบผิดชอบต่อตนเอง ความมวินัยในตนเอง ความซอสัตย์ ความเสยสละ
ี
ั
ู
ุ
ุ
ึ
ี
บทบาทในการปลกฝงคณธรรมจรยธรรมน้ท าได้ทกกระบวนการในการให้การศกษาแก่นักเรยนทั้ง
ั
ิ
ี
การเรยนการสอน
ี
้
ี
5.2.2.5 ดานงานความสมพันธกับชุมชน พบว่า ทกข้ออยู่ในระดับมาก ทั้งน้อาจ
ั
ุ
์
ิ
ิ
เปนเพราะอหม่ามมการส่งเสรมให้ผู้น าชมชน ผู้ปกครองเข้ามาร่วมคด ร่วมท า ร่วมตัดสนใจ ร่วม
ิ
็
ี
ิ
ุ
ี
ั
็
้
ู
ึ
รบผิดชอบ และรสกเปนเจ้าของสถานศกษา สอดคล้องกับงานวิจัยของ ไสว มสต (2548 : 120)
ึ
ิ
้
ี
ี
้
ี่
พบว่า การมส่วนร่วมต้องสรางความรสกทดให้เกิดข้น โดยการน าโรงเรยนออกส่ชมชนและการน า
ุ
ู
ึ
ู
ึ
ี
ี
ิ
ู
ั
ี่
้
ชมชนเข้าส่โรงเรยนทส าคัญต้องมส่วนร่วมตั้งแต่ร่วมคด ร่วมท า ร่วมแก้ปญหา ต้องเสรมสราง
ิ
ุ
ี
ั
ิ
ึ
ั
ความผูกพัน ผู้บรหารต้องรบฟงความคดเหน ท าหน้าทก ากับดแลให้มากยิ่งข้น โดยเรยงล าดับ
ิ
ี่
ี
็
ู
ื
ิ
ี
ี่
ค่าเฉลยมากสดคอ เชญชวนให้ประชาชนร่วมกิจกรรมของศูนย์ (ตาดกา) รองลงมา ประชาสัมพันธ ์
ุ
์
ุ
ี
้
ื่
กิจกรรมของศูนย์ฯ(ตาดกา)ให้ประชาชนทราบ และเปนสอกลางสรางความสัมพันธระหว่างชมชน
็
ู
กับศูนย์ฯ(ตาดกา) ซงสอดคล้องกับค ากล่าวของ จันทรา พรหมานนท์ (2546 : 65) กล่าวว่า ครและ
ี
ึ
่
ิ
ั
์
ี
ึ
ผู้บรหารสถานศกษาจะต้องเตรยมตัวและเร่งรดประสานความสัมพันธกับชมชนองค์กรและสถาบัน
ุ
ึ
ี
ึ
้
ต่างๆ ในชมชน เพื่อให้ทราบถงบทบาทหน้าททจะต้องมส่วนร่วมในการจัดการศกษาส่งเสรมสราง
ี่
ิ
ุ
ี่