Page 110 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 110

88







                                     โดยตรงไม่มีสื่อกลาง ญิบรีล อะลัยฮิสสะลาม และผู้ได้รับอนุญาตจากมะลาอิกะฮ ์
                                     และเราะสูลของพระองค์ อัลลอฮ    จะตรัสกับบรรดามุอ์มีนในวันอาคิเราะฮ์และ
                                                                ์
                                     บรรดามุอ์มีนจะพูดกับพระองค์ และพระองค์จะทรงอนุญาตให้กับพวกเขา แล้วพวก

                                     เขาจะได้เยี่ยมพระองค์ อัลลอฮ์   ตรัสว่า  ﭼ  ﭼ   ﭻ  ﭺ  ﭹ      ﭽ ความว่า :
                                     และอัลลอฮ์ได้ตรัสแก่มูซาจริง ๆ (สูเราะฮ์อันนิสาอ : อายะฮ 164) และ อัลลอฮ์  
                                                                                      ์
                                                                              ์
                                     ทรงตรัสอีกว่า  ﭼ  ﭘ  ﭗ  ﭖ  ﭕ  ﭔ  ﭓ  ﭒ                ﭽ ความว่า  : โอ้มูซา

                                     แท้จริงข้าได้เลือกเจ้าให้เหนือกว่ามนุษย์ทั้งหลาย เนื่องด้วยบรรดาสา ส์นของข้าและ
                                                                              ์
                                                            ์
                                     ด้วยถ้อยคําของข้า (สูเราะฮอัลอะอฺรอฟ : อายะฮ 144(” (Ἰbn Qudāmah, 2000 :
                                     15).
                                     อุละมาอ์สะลัฟยอมรับว่ากะลามคือ ศิฟ๎ตหนึ่งของอัลลอฮ์   ที่พระองค์ทรงตรัสไว้
                       และได้ยินกับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังหลักฐาน  จากสูเราะฮ์ อันนิสาอ์ อายะฮ์ที่ 164 และ

                       อัลอะอฺรอฟ อายะฮ์ที่ 144 ตรงกันข้ามกับกลุ่มมุอฺตะซิละฮ์ที่ศรัทธาว่ากะลามไม่ใช้คําตรัสของอัลลอฮ์

                        และไม่สามารถได้ยินได้
                                                                  1
                                     2)  อิมามฎิยาอ์ อัดดีน อัลมักดิสีย์  ได้แต่งหนังสืออิคติศอศ อัลกุรอาน บิเอาดิฮี
                       อิลา อัรเราะฮีม อัรเราะฮมาน (  نذزرلا ميحرلا  إ  دوعب ف رقلا صال خإ) เป็นหนังสือที่แต่งตาม

                       แนวทางสะลัฟเช่นกัน เช่น ท่านอธิบายเกี่ยวกับอัลกุรอานเป็นกะลามุลลอฮฺว่า :

                                     “และหากชายคนหนึ่งได้สาบานว่าเขาจะไม่พูดในวันนี้ หลังจากนั้นได้อ่านอัลกุรอาน
                                     หรือได้ละหมาด หรือได้ให้สลามในละหมาด ชายคนนั้นไม่ผิดคําสาบาน เพราะไม่

                                     สามารถที่จะเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับกะลามอัลลอฮ์ได้ อัลกุรอานคือ กะลามุลลอฮฺ
                                     ซึ่งมันเริ่มจากพระองค์และมันจะกลับไปสู่พระองค์ ไม่มีสิ่งใดจากอัลลอฮ์เป็นมัคลูกฺ

                                     ไม่ใช่คุณลักษณะของพระองค์ ไม่ใช่พระนามของพระองค์และไม่ใช่ความรู้ของ
                                     พระองค์” (Diyā„ al-Dīn al-Maqdisiy, 1989 : 32).

                                     อุละมาอ์สะลัฟศรัทธาว่า อัลกุรอาน คือ กะลามุลลอฮฺที่มาจากพระองค์ไม่ใช่เป็น

                       มัคลูกฺ เช่นเหมือนกับการศรัทธาของพวกมุอฺตะซิละฮ์ที่กล่าวว่าอัลกุรอานคือมัคลูกฺ
                                     2.2.4.2   กลุ่มเคาะลัฟ

                                     เตาฮีด กลุ่มเคาะลัฟ ในศตวรรษที่ 7 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราชพบว่า ด้านหลักการ
                                                               2
                       เหมือนกับเตาฮีดในศตวรรษที่ 4  ถึงศตวรรษที่ 6






                       1
                        ท่านมีชื่อเต็มว่า ฎิยาอ์ อัดดีน อะบู อับดุลลอฮ์ มุฮัมมัด เบ็น อับดุลวาฮิด เบ็น อะฮมัด เบ็น อับดุรเราะหฺมาน อัสสะอฺดีย์ อัลมักดิสีย์
                        เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 643 al-Zirikliy, 2002 : 6/255).
                                      (
                       2  ดูหน้า 79-87
   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115