Page 103 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 103

81







                                                    )
                       ญะวาซ รุอ์ยะฮ์ อัลลอฮ์ บิลอับศอร  رالبمأاب ﵁ا ةيؤر زاوج   با  ) และอัลลุมอฺ ฟี อัรร็อด อะลา
                                                 )
                       อะฮลฺ อัซซัยฆฺ วะ อัลบิดอะฮ์  عدبلاك غيزلا لهأ ىلع درلا    مللا) เป็นต้น และที่แต่งตามแนวทาง

                                                               )
                       สะลัฟ อาทิเช่น หนังสือมะกอลาต อัลอิสลามิยีน  ينيم سهإا ت اقم) ริสาละฮฺ อิลา อะฮลฺ อัษษะฆรฺ
                        ) رغ لا لهأ  إ ةلاسر ( และอัลอิบานะฮ์ อัน อุศูล อัดดิยานะฮ์   ) ةنايدلا ؿوصأ نع ةنابهإا) เป็นต้น


                       ทั้งนี้เนื่องจากว่าชีวิตของอะบู อัลฮะสัน อัลอัชอะรีย์ได้มีการเปลี่ยนแปลง 3 ช่วงระยะด้วยกัน  1  คือ
                       ระยะแรกท่านอยู่ในมุตะซิละฮ์ซึ่งเป็นช่วงที่มีการปฏิเสธคุณลักษณะของอัลลอฮ์ ตะอาลา  ระยะที่สอง

                       คือช่วงที่ท่านอยู่ในอัลกุลลาบิยะฮ์เป็นช่วงที่มีการยืนหยัดกับศิฟาตอักลียะฮ์ทั้งเจ็ดหรือศิฟาตมะอานีย์
                       คือ อัลฮะยาฮ อัลอิลมฺ อัลกุดเราะฮ์ อัลอิรอดะฮ์ อัสสัมอฺ อัลบะศัรและอัลกะลัม พร้อมกับตะวีล

                       (ตีความ) ศิฟาตเคาะบะริยะฮ์ (คุณลักษณะต่างๆ ที่มาจากการรายงาน) เช่น อัลวัจญ์ อัลยะดัยนฺ
                       อัลเกาะดัมและอัลสาก เป็นต้น ระยะที่สามคือเป็นช่วงที่มีการยืนหยัดกับศิฟาตของอัลลอฮ์    ทั้ง

                       หมดโดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการเปรียบเทียบ ตามแนวทางสะลัฟอย่างเต็มรูปแบบ ดังที่ปรากฏในหนังสือ

                       อัลอิบานะฮ์ ท่านกล่าวว่า  : “และสรุปคําพูดของเรา คือ แท้จริงเราขอยืนยันต่ออัลลอฮ์ บรรดา
                       มะลาอิกะฮ์ของพระองค์ บรรดาคัมภีร์ของพระองค์ บรรดาเราะสูลของพระองค์ สิ่งที่มาจากอัลลอฮ์


                       และสิ่งที่ได้รายงานอย่างเชื่อถือจากท่านเราะสูลุลลอฮ์   เราจะไม่ต้านทานสิ่งนั้น ”  (al-Ἀsh„ariy,
                       1990 : 43).
                                     การศรัทธาในเตาฮีดที่แท้จริงจะยืนหยัดกับคุณลักษณะของอัลลอฮ์    ทั้งหมด

                       ตามที่ปรากฏในอัลกุรอานและอัลฮะดีษ โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการเปรียบเทียบและไม่มีการตีความ ซึ่ง
                       ต่างกับกลุ่มเคาะลัฟที่มีการตีความในเรื่องอายะตุศศิฟาต

                                                       2
                                     2)  อิมามอัลมาตุรีดีย์  ได้แต่งหนังสือเตาฮีด ( ديحو لا) เป็นหนังสือที่แต่งตามแนว
                       ทางเคาะลัฟ เช่น ท่านได้อธิบายเกี่ยวกับการมองเห็นพระเจ้าในวันอาคิเราะฮ์ (อัรรุอ์ยะฮ) ว่า :
                                                                                              ์
                                     “แล้วหากได้มีการกล่าวว่า จะมองเห็นพระเจ้าอย่างไร? ได้มีการตอบว่า โดยไม่มี
                                     วิธีการ เนื่องจากวิธีการนั้นจะเกิดขึ้นกับสิ่งที่มีภาพปรากฏ แต่ทว่าจะมองเห็นพระ

                                     เจ้าโดยไม่ใช่ลักษณะยืน นั่ง เอนกาย แขวน แยกออก อยู่ตรงข้าม หมุนกลับหลัง
                                     สั้น ยาว แส่วง มืด เงียบ เคลื่อนไหว สัมผัสกัน แตกต่างกัน อยู่ภายนอกและอยู่

                                     ภายใน ไม่ใช่ความหมายว่า การรับเอาโดยการนึกมโนภาพหรือการกําหนดโดย

                                     สติป๎ญญา เนื่องจากความสู่งส่งพระองค์จากสิ่งเหล่านั้น” (al-Māturīdīy, n.d. : 85).






                       1
                        al-Ash„arīy, 1990 : 29 ; al-Ash„arīy, 1413 : 14.
                       2  ท่านมีชื่อเต็มว่า มุฮัมมัด เบ็น มุฮัมมัด เบ็น มะฮมูด อะบู มันศูร อัลมาตุรีดีย์ เป็นผู้มีความรู้ความชํานาญด้านวิชาเตาฮีดอีกคนหนึ่งที่
                        ร่วมสมัยกับอะบู อัลฮะสัน อัลอัชอะรีย์ และมีจุดประสงค์เหมือนกันในการปราบปรามแนวคิด  มุอฺตะซิละฮฺ ซึ่งทําหน้าที่บทบาทเผย
                        แพร่อะกีดะฮ์เตาฮีดแถบเมืองสะมัรก็อนดฺ เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 333 al-Zirikliy, 2002 : 7/19).
                                                                (
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108