Page 102 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 102

80







                                     ค.  เมื่อเกิดการคัดค้านระหว่างบทบัญญัติกับความคิดขึ้นมาจะพิจารณากับความ
                       สอดคล้องกับเหตุผลแห่งความคิดที่ถูกต้องแล้วจะถือว่าบทบัญญัตินั้นไม่ถูกต้อง ( ไม่เศาะฮีฮ) หรือจะ

                       ตีความบนหนทางของความสวยงาม
                                     ง.  แท้จริงพวกเขาได้รับหลักการแห่งความคิดจากการโต้เถียงพวกเขากับนักปรัชญา

                       และพวกเขาถือว่ามันเป็นสิ่งมั่นคงกว่าอัลกิตาบและอัลสุนนะฮ์ และกล้าปฏิเสธ เปิดเผยการบิดพริ้วกับ

                       ฝ่าฝืน และกล่าวหาว่าละเมิดกับผู้ที่ไม่เห็นชอบด้วยกับหลักการอุตริแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่เห็น
                       ด้วยและแบ่งแยกในบรรดาพวกเขา และต่างคนต่างกล่าวหาว่าเป็นปฏิเสธในเมื่อมีการขัดแย้งกับ

                       หลักการนี้
                                     ทั้งสองได้อธิบายเพิ่มเติมว่า  ด้วยเหตุผลของหลักการแห่งนี้ ทําให้พวกเขาเกิดการ

                       ปฎิเสธมากมายต่ออะกีดะฮ์ที่อ้างด้วยหลักฐานจากอัลกิตาบ และอัลสุนนะฮ์ที่ขัดแย้งกับความคิด ซึ่ง

                       ความคิดใน ที่นี้หมายถึงความคิดของพวกเขาที่มาจากปรัชญาของผู้หลงทาง แ  ต่พวกเขาถือว่าเป็น

                       หลักฐานที่ถูกต้อง ส่วนหลักฐานอื่นนั้นถือว่าเป็นหลักฐานที่ต้องสงสัย  (al-Sulamiy,  2001  :  73  ;
                       al-„Aqīl, 1998 : 70-72).
                                     2)  การเบี่ยงเบนจากหลักฐานที่ชัดเจน

                                     การเบี่ยงเบนในที่นี้ หมายถึงการเบี่ยงเบนโดยวิธีการตะอ์วีล หรือตัฟวีฎ
                                     ตะอ์วีล หมายถึง การหันคําพูดที่ปรากฏไปสู่ความหมายอันอื่นที่นอกเหนือจากความ

                       ประสงค์ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของพวกเขา (มุตะกัลลิมีน) อาทิ เช่น การตีความหมายของ
                       “อิสติวาอ์ อะลา อัลอัรช์ ” แปลว่า การทรงสถิตย์อยู่เหนือบัลลังก์ของอัลลอฮ์ กลุ่มมุตะกัลลิมีนมี

                                          ์
                                                                   ์
                       ความเห็นว่า “อิสติวาอ” มีความหมายเป็น “อิสตีลาอ” แปลว่า “ครอบครองและมีอํานาจเหนือ ” ซึ่ง
                       แตกต่างจากความหมายของชาวสะลัฟที่ไม่มีการเบี่ยงเบน (al-„Aqīl, 1998 : 73-74)
                                     ตัฟวีฎ หมายถึง การยุติในการให้การยืนหยัดและการปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า แท้จริง

                       อายะฮ์อัศศิฟาต (อายะฮ์ที่กล่าวถึงคุณลักษณะของอัลลอฮ) นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอายะฮ์
                                                                      ์
                       อัลมุตะชาบิฮาต (อายะฮ์ที่คลุมเครือ) ที่เข้าใจยากโดยสติป๎ญญา แตกต่างจากชาวสะลัฟที่ให้การยืน

                       หยัดกับคุณลักษณะของอัลลอฮ์ตามความหมายจริงเหมาะกับพระองค์และความรู้เรื่องกัยฟิยะฮ์

                       (วิธีการ) เป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น (al-Qūsiy, 2002 : 392).
                                     ในบรรดาอุละมาอ์ศตวรรษที่ 4 ที่อธิบายและเผยแพร่อะกีดะฮ์เตาฮีดตามแนวทาง

                       เคาะลัฟ อาทิ เช่น
                                                       1
                                     1)  อิมามอัลอัชอะรีย์  ได้แต่งหนังสือเกี่ยวกับอะกีดะฮ์เตาฮีดหลายเล่ม มีทั้งที่แต่ง
                       ตามแนวทางเคาะลัฟ อาทิ เช่น หนังสือกิตาบกะบีร ฟี ศิฟาต   ) تا للا   يرب  با  ) กิตาบ ฟี




                       1
                        ท่านมีชื่อเต็มว่า อะลีย์ เบ็น อิสมาอีล เบ็น อิสฮาก เบ็น สาลิม เบ็น อิสมาอีล เบ็น อับดุลลอฮ์ เบ็น มูซา เบ็น บิลาล เบ็น อะบี บุรดะฮ์
                        เบ็น อะบี มูซา อัลอัชอะรีย์ อะบูอัลฮะสัน เสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 324 al-Dhahabiy, 1985 : 15/851 ; al-Zirikliy, 2002 : 4/263).
                                                                (
   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107