Page 85 - 049
P. 85
71
4. ท าให้เกิดการต่อต้านความขัดแย้งข้น เนองจากความขัดแย้งนั้นไปขัดกับ
ึ
ื่
ุ
ื
ี
ี่
ิ
็
ุ
วัตถประสงค์ของกล่มทต้องการท างานอย่างสงบและสันต การท างานเปนทมหรอต้องการ
ิ
ี
ิ
ความร่วมมอร่วมใจกันมากกว่าการแข่งขันชงดชงเด่นกัน
ื
ิ
ิ
ุ
5. เกิดการบดเบอนการรบร โดยแต่ละกล่มจะมองทักษะและผลการปฏบัตงานของ
ิ
้
ู
ั
ื
ื
ื่
ุ
พวกเขาว่าเหนอกว่าบคคลอน
ึ
6. เกิดภาพลวงตาในทางลบข้น ความแตกต่างและข้อผิดพลาดในการปฏบัตงานของ
ิ
ิ
ี่
ุ
็
ิ
็
ี
ี
ี่
็
ู
ุ
กล่มทถกมองเหนจะมมากกว่าความเปนจรง ในขณะเดยวกันทแต่ละกล่มมองตัวเองจะเหน
็
ข้อแตกต่างและข้อบกพร่องน้อยกว่าทควรจะเปน
ี่
ี่
ึ
ุ
7. ท าให้เกิด “จดบอด” ข้น โดยทการผูกพันอยู่กับบทบาทและสถานภาพของกล่มแต่
ุ
่
ุ
ุ
ละกล่มมากเกินไป จนเกิดความกลัวต่อการพ่ายแพ้ในการแข่งขันระหว่างกล่ม จะท าให้ทั้งสองฝาย
้
ึ
ต่างก็มองไม่เหนความคล้ายคลงกันในเปาหมาย หรอข้อเสนอของเขา โดยทถ้ามองเหนเสยก่อนและ
ี
็
ี่
็
ื
ยอมรบแล้วจะท าให้ความขัดแย้งยุตลงไปได้
ั
ิ
ิ
ี
นอกจากน้เสรมศักด์ วิศาลาภรณ (2534) ได้สรปผลเสยของความขัดแย้งไว้ 13 ประการ
ิ
์
ุ
ี
ื
คอ
ุ
่
ึ
1. ขาดการยอมรบซงกันและกัน ขาดความไว้วางใจ ไม่เคารพซงกันและกัน บคคลตั้ง
ึ
่
ั
แง่และใช้เล่หเหลยมเข้าหากัน
ี่
์
2. ขาดความร่วมมอในการท างาน
ื
ู
ิ
ิ
ี่
ุ
ิ
3. ขาดความคดร่เร่ม บคคลจะท างานตามทถกสั่งเท่านั้น
ิ
ู
4. การสอสารถกบดเบอน
ื่
ื
ุ
ี
5. ท าให้เกิดความเครยด สขภาพจตเสย
ี
ิ
6. ลดประสทธภาพในการท างาน
ิ
ิ
ี
ี
7. ท าลายความสามัคคกลมเกลยวในกล่ม
ุ
ุ
ิ
ิ
ิ
็
8. เปนอปสรรคต่อการตัดสนใจ ขาดข้อมูลในการตัดสนใจท าให้ตัดสนใจด้วย
ี่
ความเสยง
ิ
ี่
9. ไม่ส่งเสรมให้เกิดการเปลยนแปลง
ื
ุ
ิ
10. ท าให้บคคลหรอองค์กรเกิดความเสยหาย ทั้งชอเสยง เกียรตยศ ทนทรพย์ หรอ
ื
ี
ุ
ื่
ั
ี
แม้แต่ชวิต
ี
ี
็
ั
ุ
ู
ื่
11. ถ้าแก้ปญหาไม่ดอาจเปนเหตน าไปส่ความขัดแย้งอย่างอนๆ อก
ี
ื่
12. คนไม่พอทจะท างานเกิดการเฉอยงาน
ี่
ี
ื่
ี
13. ท าให้สญเสยก าลังคนเนองจากหนออกไปจากองค์กร
ู