Page 82 - 049
P. 82
68
ี
นอกจากน้ Deutsch (1973) ได้สรปผลดของความขัดแย้งไว้ดังน้ ี
ี
ุ
้
ื
ื่
1. ปองกันการเฉอยชา หรอหยุดอยู่กับท ี่
ุ
ุ
ู
็
2. กระต้นให้บคคลเกิดความอยากรอยากเหน
้
ั
็
ี
3. เปนสอให้มการตแผ่ปญญหาเพื่อการแก้ไข
ื่
ี
4. ท าให้บคคล สังคม เกิดการเปลยนแปลง
ุ
ี่
ึ
็
5. เปนส่วนหนงของการทดสอบและประเมนตนเอง
่
ิ
็
ุ
ึ
6. ท าให้เหนของเขตของกล่มชัดเจนข้น
7. ความขัดแย้งภายนอกท าให้กล่มกลมเกลยวกัน
ี
ุ
ึ
ิ
พนัส หันนาคนทร (2542) ได้กล่าวถงผลดของการเกิดความขัดแย้ง ไว้ดังน้ ี
ี
์
็
1. การเกิดความขัดแย้งแสดงถงการมเสรในความคด อันเปนลักษณะของบคคลใน
ุ
ี
ิ
ี
ึ
ึ
่
ิ
ิ
ู
ระบบประชาธปไตย ซงไม่ถกครอบง าความคดด้วยอ านาจภายนอก
ี
ิ
2. ความแตกต่างในทางความคดก่อให้เกิดแนวความคดและวิธการในการแก้ปญหาได้
ิ
ั
ู
หลายรปแบบ
่
ิ
ื่
้
ิ
3. ก่อให้เกิดความคดในเชงสรางสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมอทั้งสองฝายหาทางออก
เพื่อแก้ไขปญหาขัดแย้งนั้นๆ
ั
้
็
4. เพื่อทจะอธบายให้คนอนเหนคล้อยตามแนวความคดา จงท าให้ต้องพยายามสราง
ื่
ี่
ิ
ึ
ิ
็
ึ
ี่
ึ
ิ
ิ
ความแจ่มชัดแก่ความคดทเสนอไป อันเปนการท าให้ผู้เสนอแนวความคดเกิดความเข้าใจลกซ้งใน
ื
เรองนั้นหรอรอบคอบยิ่งข้น
ื่
ึ
่
ั
ึ
ึ
่
็
ื
ั
5. ก่อให้เกิดความเคยชนทจะแลกเปลยนความคดเหน ยอมรบฟงซงกันและกัน ซงถอ
ี่
ิ
ี่
ิ
็
ิ
็
้
ได้ว่า เปนการช่วยสรางความเปนประชาธปไตยในการท างาน
ิ
6. ท าให้ผู้ร่วมงานได้มโอกาสใช้ความคด อันเปนการส่งเสรมให้ผู้ปฏบัตงานม ี
ิ
ิ
ี
ิ
็
่
ี
ความเจรญในการท างานมากข้น ถอได้ว่าเปนส่วนหนงของวิธการพัฒนาบคคล
็
ึ
ิ
ุ
ึ
ื
อรณ รกธรรม (2537) ได้กล่าวถงผลดของความขัดแย้ง คอ
ึ
ุ
ั
ื
ี
ุ
ี่
1. ปองกันการหยุดอยู่กับทของผลการปฏบัตงานของแต่ละกล่มในองค์กร
ิ
้
ิ
ี่
ิ
ื
2. เกิดความคดทสามเหนอกว่า
ิ
ุ
ุ
3. แต่ละกล่มได้แสวงหาแนวความคดใหม่ๆ และเปนปจจบันอยู่เสมอ
็
ั
้
็
้
ุ
ื
4. กระต้นให้เกิดความกระตอรอรนและความอยากรอยากเหน
ู
ื
ิ
ิ
5. แต่ละกล่มได้ส ารวจตรวจสอบความคดเหน รวมทั้งวิธการปฏบัตงานของตนเอง
ิ
ี
็
ุ
ี่
ี
ึ
่
อย่างรอบคอบยิ่งข้นว่าเหมาะสมดแล้วหรอไม่ เพื่อแข่งขันเอาชนะกล่มอนๆ ซงผลงานทได้ส่วน
ื่
ื
ุ
ึ
่
หนงจะเปนผลดต่อองค์กร
ึ
ี
็