Page 34 - 049
P. 34

20


                                                  ่
                                             ์
                                 ความสมพันธระหวางรูปแบบกับทฤษฎี
                                       ั
                                                                                               ์
                                       ู
                                                     ิ
                                              ิ
                                 แม้ว่ารปแบบเชงแนวคดจะแตกต่างจากทฤษฎอยู่บ้าง แต่ก็มความสัมพันธใน 2
                                                                                   ี
                                                                        ี
                       ลักษณะ ดังน้  ี
                                                                                                ้
                                                                                                   ึ
                                                  ี
                                    ู
                                                                      ื
                                 1. รปแบบเชงทฤษฎ (Theoretical Model) คอ รปแบบหรอแบบจ าลองทสรางข้นจาก
                                                                         ู
                                                                                 ื
                                                                                             ี่
                                            ิ
                                  ์
                                            ื
                                                                                            ื
                                                      ี
                                                                       ุ
                                                                               ิ
                                                                          ี่
                                                   ี
                                                                                                  ุ
                       ประสบการณ งานวิจัย หรอทฤษฎทมอยู่แล้ว เพื่อหาข้อสรปทใช้อธบาย ท านาย หรอควบคม
                                                     ี่
                                       ื่
                                                                             ี่
                                                     ื่
                                            ึ
                                           ี่
                                                              ู
                                  ์
                                                                                                  ี
                       ปรากฏการณของเรองทศกษา และเมอทดสอบรปแบบกับข้อมูลทเก็บรวบรวมได้แล้ว ถ้าม
                                                   ื่
                                                      ื
                                                                                                  ู
                                        ู
                                                                                     ื่
                                                                    ู
                                                                          ้
                       ความสอดคล้องกัน รปแบบก็น่าเชอถอ อันอาจน าไปส่การสรางทฤษฎในเรองนั้น ดังนั้น รปแบบ
                                                                                 ี
                       เชงทฤษฎจงเปนเพียงขั้นตอนหนงของการสรางทฤษฎใหม่ๆ เท่านั้น
                        ิ
                                                  ่
                                                             ้
                                                                    ี
                                                  ึ
                                ึ
                               ี
                                   ็
                                                  ิ
                                    ู
                                                                                                 ึ
                                            ิ
                                                                      ู
                                 2. รปแบบเชงปฏบัต (Practical Model) คอ รปแบบหรอแบบจ าลองทสรางข้นจาก
                                                                    ื
                                                ิ
                                                                                             ้
                                                                              ื
                                                                                           ี่
                                                                                                       ุ
                                                                  ึ
                       ทฤษฎทมอยู่แล้ว เพื่อช่วยให้เข้าใจทฤษฎได้ง่ายยิ่งข้น หรอเพื่อน าไปใช้อธบาย ท านายหรอควบคม
                                                                      ื
                                                                                    ิ
                                                         ี
                                                                                                 ื
                               ี
                             ี่
                            ี
                                                             ี
                                                              ึ
                                    ึ
                                               ู
                                                                                  ี่
                                   ี่
                                  ์
                       ปรากฏการณทศกษา ดังนั้นรปแบบลักษณะน้ จงเปนเพียงแบบจ าลองทได้จากการถ่ายทอดจาก
                                                                 ็
                                ู
                            ี
                       ทฤษฎไปส่การปฏบัตนั่นเอง
                                         ิ
                                      ิ
                                 การสรางรูปแบบ
                                       ้
                                          ู
                                 การสรางรปแบบ คอการก าหนดมโนทัศน์ทเกี่ยวข้องสัมพันธกันอย่างเปนระบบเพื่อ
                                       ้
                                                                                             ็
                                                 ื
                                                                      ี่
                                                                                    ์
                            ็
                                                                                    ิ
                        ี
                                       ู
                                                                                       ี่
                       ช้ให้เหนชัดเจนว่า รปแบบเสนออะไร เสนออย่างไร เพื่อให้ได้อะไร และส่งทได้นั้นอธบาย
                                                                                               ิ
                                                 ู
                       ปรากฏการณอะไร และน าไปส่ข้อค้นพบอะไรใหม่ ๆ (Keeves, 1988) หลักการสรางรปแบบทด   ี
                                  ์
                                                                                                     ี่
                                                                                              ู
                                                                                           ้
                                       ู
                       เพื่อก ากับการสรางรปแบบทใช้ประโยชน์ได้ ควรมข้อก าหนด 4 ประการ คอ
                                                                                     ื
                                              ี่
                                    ้
                                                                 ี
                                                                       ์
                                                       ึ
                                 1. รปแบบควรประกอบข้นด้วยความสัมพันธอย่างมโครงสราง (Structural
                                    ู
                                                                                    ้
                                                                             ี
                                                                        ิ
                                                                           ้
                                                                      ์
                       Relationship) ระหว่างตัวแปร มากกว่าเน้นความสัมพันธเชงเสนตรงแบบธรรมดา (Associative
                                                                                           ี
                                                                ้
                       Relationship) อย่างไรก็ตามความเชอมโยงแบบเสนตรงแบบธรรมดาทั่วไปนั้นก็มประโยชน ์
                                                    ื่
                                             ึ
                       โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการศกษาวิจัยในช่วงต้นของการพัฒนารปแบบ
                                                                          ู
                                                                                             ู
                                                  ็
                                                                                  ึ
                                                                        ์
                                 2. รปแบบควรใช้เปนแนวทางในการพยากรณ  ผลจะเกิดข้นจากการใช้รปแบบได้
                                    ู
                       สามารถตรวจสอบได้โดยการสังเกตและหาข้อสนับสนนด้วยข้อมูลเชงประจักษ์ได้
                                                                                ิ
                                                                     ุ
                                                       ุ
                                                                                       ื่
                                                                                            ึ
                                    ู
                                 3. รปแบบควรจะต้องระบหรอช้ให้เหนถงกลไกเชงเหตผลของเรองทศกษา ดังนั้น
                                                                                           ี่
                                                                 ็
                                                                   ึ
                                                            ี
                                                          ื
                                                                                ุ
                                                                           ิ
                       นอกจากรปแบบจะเปนเครองมอในการพยากรณได้แล้ว ควรใช้ในการอธบายปรากฏการณได้ด้วย
                                                                                                  ์
                               ู
                                        ็
                                                               ์
                                                 ื
                                                                                    ิ
                                             ื่
                                                                 ้
                                                        ื
                                                    ื่
                                    ู
                                                                                        ้
                                 4. รปแบบควรเปนเครองมอในการสรางมโนทัศน์ใหม่และการสรางความสัมพันธของ
                                                                                                      ์
                                               ็
                                                                         ี่
                                                                     ื่
                                                                 ้
                                            ึ
                                                                               ึ
                                              ็
                                            ่
                                                                 ู
                       ตัวแปรในลักษณะใหม่ ซงเปนการขยายองค์ความรในเรองทก าลังศกษาด้วย
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39