Page 265 - 049
P. 265
251
ิ
ั
ิ
ื่
ู
จากการวิจัยเรองรปแบบการพัฒนาสมรรถนะการบรหารความขัดแย้งส าหรบผู้บรหาร
ึ
ั
สถานศกษาขั้นพื้นฐาน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง 7 ขั้นตอน โดยอาศัยแนวคดจตตปญญาศกษา
ิ
ึ
ิ
ิ
ิ
ึ
มาประยุกต์ใช้ในขั้นการพัฒนา ท าให้ผู้บรหารสถานศกษาเกิดพฤตกรรมในการบรหารความขัดแย้ง
ิ
ื่
เนองจาก เปนการพัฒนาจากภายในตัวบคคล ซง จากงานวิจัยของ Strack and Fottler (2002) พบว่า
็
่
ึ
ุ
ผู้น าทมการพัฒนาทางด้านจตใจอย่างสม าเสมอและต่อเนอง จะมพฤตกรรมของการเปนผู้น าทม ี
ี่
ิ
ิ
่
ี
ี่
ื่
็
ี
ิ
ิ
้
ิ
ื
ิ
ิ
ี
ประสทธผลใน 5 ด้านคอ 1) มความท้าทายต่อการปฏบัตงานทเคยชน 2) มความคดรเร่มสราง
ิ
ิ
ิ
ี
ี่
แรงบันดาลใจต่อวิสัยทัศน์ร่วมแก่ผู้ร่วมงาน 3) มความสามารถในการปฏบัตงานแก่ผู้ร่วมงาน
ี
ิ
ิ
้
็
ิ
ี่
4) เปนแบบอย่างทดแก่ผู้ร่วมงาน และ 5) สรางแรงจูงใจแก่ผู้ร่วมงาน ซงส่งผลให้การปฏบัตงานมี
ึ
่
ิ
ี
ิ
ประสทธผลขององค์กรสงยิ่งข้น
ึ
ิ
ู
นอกจากน้รปแบบการพัฒนาสมรรถนะการบรหารความขัดแย้งส าหรบผู้บรหาร
ั
ิ
ิ
ี
ู
ิ
ี่
ั
ึ
ิ
สถานศกษาขั้นพื้นฐาน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังได้น าแนวคดการปรบเปลยนพฤตกรรม 21 วัน
ื่
มาบูรณาการใช้ในการขั้นการพัฒนา ซง Maltz (1969) ได้น าแนวคดเรองเปลยนพฤตกรรมภายใน
ี่
่
ึ
ิ
ิ
ิ
ี่
ิ
ิ
้
21 วัน โดยกล่าวว่า การเปลยนแปลงตัวเองต้องเร่มจากภายใน ด้วยการสรางความคดของส่งท ี่
ิ
็
ื
ื่
ึ
ี่
ื่
ึ
็
ต้องการอยากเปนหรออยากจะเปลยนข้นมาก่อนแล้วจงจะเชอว่าเราเปนอย่างนั้นได้ เนองจากจตใจ
ิ
ของเราจะสรางความเคยชนอยู่เหนอสภาพร่างกายทเปนจรง หากอยากเปลยนพฤตกรรมอะไร
ี่
้
็
ิ
ี่
ิ
ื
ี่
ื่
ิ
สักอย่างจะต้องท าส่งนั้นตดต่อกันอย่างต่อเนองครบ 21 วัน หลังจากนั้นจะเปลยนพฤตกรรมเปน
ิ
็
ิ
ึ
นสัยนั่นเอง ดังนั้นการพัฒนาสมรรถนะการบรหารความขัดแย้ง ควรฝกปฏบัตอย่างสม าเสมอ
ิ
่
ิ
ิ
ิ
็
ึ
ึ
อย่างน้อย 21 วัน แต่ไม่จ าเปนต้องฝกตลอดทั้งวัน เพียงท ากิจกรรมนั้นๆ ซ ้าๆ ทกวัน เช่น การฝก
ุ
ุ
ิ
ุ
สมาธ วันละ 5 นาท ทกวันอย่างน้อย 21 วัน ก็จะเกิดการเปลยนแปลงพฤตกรรมภายในตัวบคคล
ิ
ี่
ี
ี่
ุ
จนเปนนสัยและกลายเปนจตใต้ส านกในทสด
็
ิ
ึ
็
ิ
ี
สมรรถนะการบรหารความขัดแย้งมความสัมพันธกันระหว่างภาวะผู้น าและความ
์
ิ
ื
ฉลาดทางอารมณ หรออาจเรยกว่า ภาวะผู้น าอัจฉรยะทางอารมณ (Emotionally Intelligent
ี
์
ิ
์
ิ
ี่
Leadership) ซงลักษณะความฉลาดทางอารมณ ส่งผลให้บคคลเกิดการเปลยนแปลงพฤตกรรม ดังท ี่
่
์
ึ
ุ
Feldman (1999) กล่าวว่า ภาวะผู้น าทมความฉลาดทางอารมณ เปนเรองทเกี่ยวข้องกับการพัฒนา
็
ื่
ี่
ี่
ี
์
็
ุ
ี่
ทักษะทางอารมณและทางสังคม ทเปนลักษณะเฉพาะตัวบคคล ประกอบด้วยทักษะหลัก ได้แก่
์