Page 147 - 049
P. 147
133
ี
ึ
ิ
ั
ี
Maria (1984) ได้ท าการศกษาวิธแก้ปญหาความขัดแย้งของผู้บรหารโรงเรยนชายและ
หญงในวิทยาลัยทสอนวิชาศลปะศาสตรเอกชนในรฐเพนซลวาเนย จ าแนกกล่มตัวอย่าง
ุ
ิ
ั
ี
ิ
ี่
์
ิ
ื
็
ื่
ี
ั
ิ
เปนผู้บรหารระดับสงและระดับกลาง จ านวน 113 คน โดยใช้เครองมอวิธแก้ปญหาความขัดแย้ง
ู
ี่
ุ
ึ
ิ
่
ของ โธมัส- คลแมนน์ เพื่อใช้พฤตกรรมทบคคลแสดงออกมาในสถานการณทมความขัดแย้งซงม 5
ี
ี
์
ิ
ี่
ื
ื
ี
ี่
ลักษณะ คอ การแข่งขัน การร่วมมอ การประนประนอม การหลกเลยง และการปรองดอง
ี
ผลการศกษาพบว่า
ึ
1. กล่มผู้บรหารใช้วิธการแก้ปญหาความขัดแย้ง แบบการแข่งขันกับการร่วมมอ
ิ
ุ
ี
ั
ื
ั
ี่
ุ
น้อยกว่านักธรกิจและเจ้าหน้าทของรฐ
ี
ั
2. กล่มผู้บรหารทมการศกษาสง ใช้วิธการแก้ปญหาความขัดแย้ง แบบประนประนอม
ี่
ึ
ู
ี
ี
ิ
ุ
ุ
กับแบบหลกเลยง สงกว่ากล่มนักธรกิจและเจ้าหน้าทของรฐ
ี่
ี่
ี
ู
ั
ุ
ิ
ี
ี่
ิ
ั
3. ผู้บรหารชายและหญง ใช้วิธการแก้ปญหาความขัดแย้งทไม่แตกต่างกัน
ี
์
ิ
ี่
ี
ี
4. ผู้บรหารทมประสบการณน้อย จะใช้วิธการประนประนอมน้อยกว่า
5. ตัวแปรทมอทธพลต่อการแก้ปญหาความขัดแย้งของผู้บรหารระดับสง คอ
ู
ี
ี่
ื
ิ
ั
ิ
ิ
เวลาทท างาน
ี่
ั
Revilla (1984) ได้ศกษารปแบบการแก้ปญหาความขัดแย้งของผู้บรหารโรงเรยนชาย
ิ
ึ
ู
ี
ี
ึ
ี
ุ
ั
ิ
ี
และหญงในสถาบันอดมศกษา ผลการวิจัยพบว่า การใช้วิธเอาชนะ และวิธร่วมมอแก้ปญหามน้อย
ื
ุ
ี
็
ู
ี
ผู้บรหารสถาบันอดมศกษาใช้วิธประนประนอม วิธหลกเลยงสงกว่าปกต ผลการวิจัยยังช้ให้เหนว่า
ิ
ี่
ี
ี
ึ
ี
ิ
ิ
ี่
วิธแก้ปญหาความขัดแย้งกับอายุ ระดับการศกษา ต าแหน่งในการบรหาร กล่มบรหารทม ี
ิ
ุ
ี
ึ
ั
ประสบการณมากใช้วิธเอาชนะมากกว่าวิธอนๆ ใช้วิธประนประนอมน้อยและใช้วิธการ
์
ี
ื่
ี
ี
ี
ี
ี่
ี
ม่งประโยชน์ตนเองมากกว่าผู้บรหารทมประสบการณน้อย
ิ
ุ
์
ึ
Holt (1986) ได้ศกษาความสัมพันธระหว่างภาวนะผู้น ากับแบบพฤตกรรม
์
ิ
ิ
การแก้ปญหาความขัดแย้งของผู้บรหารโรงพยาบาลขนาดใหญ่ พบว่า ผู้บรหารส่วนใหญ่ใช้วิธ ี
ั
ิ
ี
ื
ี
ี่
ี
ประนประนอม ประสานร่วมมอและหลกเลยง เรยงจากมากไปหาน้อย อายุทต่างกันท าให้วิธแก้ไข
ี
ี่
ื
ความขัดแย้งต่างกัน กล่าวคอผู้บรหารทอายุไม่เกิน 35 ป ใช้วิธแข่งขัน อายุ 36-45 ป ใช้วิธ ี
ี
ี
ิ
ี
ี่
ี
ี
ี
ุ
การประนประนอม อายุ 45 ปข้นไป ใช้วิธประสานร่วมมอ และสดท้ายพบว่า ภาวะผู้น า
ื
ึ
ุ
ื
จะเอ้ออ านวยหรอสนับสนนต่อการจัดการความขัดแย้งให้บรรลุทั้งผลงานและความสัมพันธ ์
ื