Page 152 - 049
P. 152
138
ี่
ื
ื่
3. เครองมอทใช้ในการวิจัย
ื่
เครองมอทใช้ในการวิจัยระยะท 1 เปนแบบสอบถาม โดยผู้วิจัยสรางข้นจากหลักการ
ึ
็
ี่
้
ื
ี่
ิ
ี่
ี่
ิ
ึ
แนวคดทได้จากการศกษาเอกสาร และงานวิจัยทเกี่ยวข้องกับสมรรถนะและการบรหารความขัดแย้ง
เพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลสมรรถนะการบรหารความขัดแย้งและวิเคราะหองค์ประกอบ
ิ
์
้
ี
สมรรถนะการบรหารความขัดแย้ง จ านวน 1 ฉบับ ขั้นตอนการสรางแบบสอบถาม มดังน้ ี
ิ
ี่
ุ
ี่
์
3.1 น าผลการวิเคราะหและคัดกรองตัวแปรทสรปจากผู้เชยวชาญ จ านวน 159 ตัวแปร
็
ี่
ี
ิ
ึ
สรางเปนข้อความทเข้าใจง่าย ชัดเจน และมความหมายไม่ต่างจากแนวคดของนักการศกษา
้
3.2 ลักษณะของแบบสอบถาม จ าแนกเปน 2 ตอน คอ
็
ื
ึ
ิ
็
ตอนที่ 1 เปนแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพทั่วไปของผู้บรหารสถานศกษาและ
ึ
ี
็
ื
กรรมการสถานศกษาขั้นพื้นฐาน มลักษณะเปนแบบเลอกรายการ (Checklist)
ตอนที่ 2 เปนแบบสอบถามเกี่ยวกับสมรรถนะการบรหารความขัดแย้ง มลักษณะ
็
ิ
ี
ิ
ิ
็
์
เปนแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) ชนด 5 มาตราวัดของไลเครท (Likert Scale) เกณฑ์
ี
ิ
ิ
็
การให้คะแนนแบบสอบถามความคดเหนเกี่ยวกับระดับสมรรถนะการบรหารความขัดแย้ง มดังน้ ี
5 หมายถง ข้อความนั้นมความส าคัญต่อผู้บรหารสถานศกษา มากที่สุด
ึ
ึ
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ี่
หรอเปนส่งทผู้บรหารสถานศกษาควรปฏบัต เปนประจาสม ่าเสมอ
็
ื
ึ
็
ี
ึ
ื
ิ
4 หมายถง ข้อความนั้นมความส าคัญต่อผู้บรหารสถานศกษา มากหรอ
ึ
ิ
ึ
ี่
็
เปนส่งทผู้บรหารสถานศกษาควรปฏบัต คอนขางมากแตไมสม ่าเสมอ
ิ
ิ
ิ
่
่
้
่
ี
ิ
ึ
ึ
3 หมายถง ข้อความนั้นมความส าคัญต่อผู้บรหารสถานศกษา ปานกลาง
ึ
ื
ิ
ิ
ี่
็
ิ
ิ
หรอเปนส่งทผู้บรหารสถานศกษาควรปฏบัต ไมบอยแตยังคงปฏิบัติ
่
่
่
ึ
ี
ึ
2 หมายถง ข้อความนั้นมความส าคัญต่อผู้บรหารสถานศกษา นอย หรอ
ิ
ื
้
เปนส่งทผู้บรหารสถานศกษาควรปฏบัต นานๆ ครง
ิ
ี่
้
ึ
ิ
ิ
ั
ิ
็
ึ
ี
ิ
ึ
1 หมายถง ข้อความนั้นมความส าคัญต่อผู้บรหารสถานศกษา นอยที่สุด
้
ิ
ี่
ิ
็
ิ
ึ
ื
ึ
หรอไม่ส าคัญต่อผู้บรหารสถานศกษาเลย หรอเปนส่งทผู้บรหารสถานศกษา ไมควรปฏิบัติเลย
ื
่