Page 148 - 049
P. 148
134
ี
์
ั
Pritchard (1986) ได้ท าการวิจัยเกี่ยวกับ ความสัมพันธระหว่างวิธการแก้ปญหา
ี
ี่
ิ
ิ
ิ
ั
์
ุ
ความขัดแย้งของผู้บรหารเพศชายและหญง ทมประสบการณในวิทยาลัยชมชนสหรฐอเมรกา
ิ
ี
ั
โดยใช้แบบสอบถามวิธแก้ปญหาความขัดแย้งของโธมัส-คลแมนน์ ในการเก็บข้อมูลการแก้ปญหา
ั
ื
ิ
ื่
ความขัดแย้งหรอการด าเนนการเมอมความขัดแย้ง 5 ด้านคอ การแข่งขัน การร่วมมอ
ี
ื
ื
ี
ี
การประนประนอม การหลกเลยง และการปรองดอง พบว่าวิธแก้ความขัดแย้งของผู้บรหารเพศหญง
ิ
ี่
ิ
ี
ั
ุ
์
ิ
ี
และชายทมประสบการณในวิทยาลัยชมชนสหรฐอเมรกาไม่มความแตกต่างกัน
ี่
ี
Graham (1990) ได้ท าการวิจัย กรณศกษาเรองการจัดการกับความขัดแย้งของ
ื่
ึ
ี
ั
คณะกรรมการบรหารสถานศกษาของรฐ ในรฐนวเจอรซ ผลการศกษาพบว่า ศกษาธการมความ
ึ
ิ
ึ
ี
ิ
ั
ี่
์
ิ
ึ
ิ
ิ
ี
ู
้
ต้องการให้มการตดต่อสอสารกันภายในโดยตรงและเปดเผย ต้องการรเกี่ยวกับงบประมาณและม ี
ื่
ิ
ึ
ี
ส่วนร่วมในการบรหารงบประมาณและสามารถแต่งตั้งกรรมการเข้าศกษากรณขัดแย้งได้
ึ
ิ
์
Hoover (1990) ได้ศกษาความสัมพันธระหว่างพฤตกรรมการจัดการกับความขัดแย้ง
ึ
ึ
ระดับของความขัดแย้งและบรรยากาศขององค์กรในสถานศกษาระดับมัธยมศกษา ผลการศกษา
ึ
ิ
ช้ให้เหนว่า ส่งส าคัญทก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมในสถานศกษาดข้น คอ สภาพสถานศกษาทม ี
ึ
ึ
ื
ี
ี่
็
ี่
ึ
ี
ิ
บรรยากาศแบบเปดเผยเปนกันเอง การแก้ปญหาความขัดแย้งบนพื้นฐานของความเข้าใจและ
ั
็
ประนประนอมช่วยลดสภาพความขัดแย้งทเกิดข้นเปนอย่างด ี
ี่
ึ
ี
็
ั
ื
Mealamed & Reiman (1999) ได้ท าการวิจัยเกี่ยวกับความร่วมมอและการแก้ปญหา
ความขัดแย้งในการจัดการศกษา โดยท าการศกษาในโรงเรยนมัธยมศกษา จากนักการศกษา
ึ
ึ
ึ
ี
ึ
ี
ผู้ปกครองและผู้มส่วนร่วม ผลปรากฎว่า ความต้องการทางด้านพื้นฐานเปนต้นเหตของความขัดแย้ง
ุ
็
ึ
ี่
มากทสด สถานศกษาต้องจัดให้มการประชมอภปรายเพื่อให้ทราบข้อมูลพื้นฐานและความต้องการ
ี
ุ
ุ
ิ
ของผู้ปกครอง ผู้มส่วนเกี่ยวข้องเพื่อร่วมมอแก้ปญหาความขัดแย้ง และจัดการศกษาให้ตอบสนอง
ึ
ื
ั
ี
กับความต้องการของนักศกษาและผู้มส่วนเกี่ยวข้อง
ึ
ี