Page 112 - 049
P. 112

98


                                                         ์
                                                                                        ี
                                                                                                 ุ
                                                                                                     ั
                                       2. การแสวงหาผลประโยชนขององค์กรนั้น เกิดจากความไม่เท่าเทยมกันในทนทรพย์
                                                                                 ้
                                                                 ี่
                       ขององค์กร องค์กรทมทรพย์สนมากย่อมมโอกาสทจะน าเงนทนไปสรางผลก าไรตอบแทนได้
                                                ิ
                                            ั
                                         ี
                                        ี่
                                                                       ิ
                                                          ี
                                                                          ุ
                                      ี
                                            ิ
                                     ี่
                                         ั
                       มากกว่าองค์กรทมทรพย์สนน้อย
                                                                                         ี
                                                         ์
                                       3. การแสวงหาผลประโยชนของแรงงานนั้น เกิดจากความไม่เท่าเทยมกันของแรงงาน
                                                            ื
                                                                                   ั
                                                               ี
                          ี
                            ื
                                             ี่
                                     ี
                       ทมฝมอไม่เท่าเทยมกัน ผู้ทมความสามารถหรอมฝมอทเชยวชาญย่อมได้รบผลประโยชน์จากการใช้
                                              ี
                                                                      ี่
                                                                    ี่
                                                                  ื
                                                                ี
                         ี
                        ี่
                                                                             ี่
                                                                 ื
                                            ี
                                                                      ี
                                      ี
                       ความสามารถได้ดกว่าผู้มความสามารถน้อยกว่าหรอไม่มความเชยวชาญ
                                                                                                       ุ
                                                               ิ
                                                                     ิ
                                 ส่วน Weber (1947) ได้เสนอความคด การปดกั้นทางสังคม (Social Closure) ว่าในทก
                               ี
                                                                          ั
                                         ่
                       สังคมจะมคนกล่มหนงทเปนผู้ผูกขาด (Monopoly) ในการได้รบผลประโยชน์จากสังคมและจะท า
                                             ็
                                           ี่
                                     ุ
                                         ึ
                                                                                                   ี
                                                                                    ึ
                                                                      ี่
                                                                                    ่
                                       ื่
                                                                    ิ
                       การกีดกันไม่ให้ผู้อนเขามาแสวงหาผลประโยชน์จากส่งทเขาก าลังท าอยู่ ซงการผูกขาดนั้นมหลาย
                                                                                                ิ
                                                               ู
                                                                                             ิ
                                                               ้
                                                                  ื
                                                 ิ
                                                                      ั
                       รปแบบ เช่น ทดน ปจจัยการผลต อ านาจ ความร หรอทรพยากรบางชนดทเขาได้รบสทธในการ
                        ู
                                                                                    ี่
                                        ั
                                                                                 ิ
                                    ิ
                                                                                          ั
                                   ี่
                       ควบคมและดแล
                            ุ
                                  ู
                                                                   ็
                                                                             ี
                                 ทฤษฎความขัดแย้งของ Coser (1956) เปนนักทฤษฎความขัดแย้ง ทมองว่า
                                       ี
                                                                                         ี่
                                                                                               ึ
                                                                                               ่
                                                                                      ็
                       ความขัดแย้งก่อให้เกิดทั้งด้านบวกและด้านลบ และอธบายว่า ความขัดแย้งเปนส่วนหนงของ
                                                                    ิ
                                                                              ึ
                                                                              ่
                                                                                  ี
                                                                   ุ
                                                                          ุ
                                                                                ี่
                                                                                                  ี
                       กระบวนการขัดเกลาทางสังคม ไม่มกล่มทางสังคมกล่มใดกล่มหนงทมความสมานสามัคคอย่าง
                                                       ุ
                                                     ี
                                                        ่
                                                                               ี
                                               ็
                              ์
                                                                                           ั
                       สมบูรณ เพราะความขัดแย้งเปนส่วนหนงของมนษย์ ทั้งในความเกลยดและความรก ต่างก็ม  ี
                                                                ุ
                                                        ึ
                       ความขัดแย้งทั้งส้น ความขัดแย้งสามารถแก้ปญหาความแตกแยกและท าให้เกิดความสามัคคภายใน
                                     ิ
                                                                                                   ี
                                                            ั
                                          ี
                                                      ิ
                                       ุ
                                                                        ู
                                                                  ็
                       กล่มได้ เพราะในกล่มมทั้งความเปนมตรและความเปนศัตรอยู่ด้วยกัน เขามความเหนว่า
                                                                                     ี
                         ุ
                                                                                            ็
                                                   ็
                       ความขัดแย้งเปนตัวสนับสนนให้เกิดการเปลยนแปลงทางสังคม สามารถท าให้สังคมเปลยนชวิต
                                   ็
                                                            ี่
                                                                                                ี่
                                              ุ
                                                                                                    ี
                       ความเปนอยู่จากด้านหนงไปส่อกด้านหนงได้ เพราะหากสมาชกในสังคมเกิดความไม่พึงพอใจต่อ
                                                 ี
                             ็
                                                         ่
                                                         ึ
                                                                           ิ
                                           ่
                                           ึ
                                                ู
                       สังคมทเขาอยู่ เขาจะพยายามท าการเปลยนแปลงสถานการณนั้นๆ ให้เปนไปตามเปาหมายของเขา
                                                                                  ็
                                                                                           ้
                                                       ี่
                                                                         ์
                             ี่
                                  ี
                       ได้ นอกจากน้เขายังเสนอว่า ความขัดแย้งยังสามารถท าให้เกิดการแบ่งกล่ม ลดความเปนปรปกษ์
                                                                                              ็
                                                                                                    ั
                                                                                   ุ
                       พัฒนาความซับซ้อนของโครงสรางกล่มในด้านความขัดแย้งและร่วมมอ และสรางความแปลกแยก
                                                                                         ้
                                                  ้
                                                                                 ื
                                                       ุ
                            ุ
                       กับกล่มต่างๆ
                                                                          ื่
                                       ี
                                 ทฤษฎความขัดแย้งของ Dahrendorf  (1959) ให้ชอโมเดลว่า Dialectical Conflict
                       Perspective  ในทัศนะของ Dahrendorf องค์กรสังคม คอ Imperatively Coordinated Association
                                                                    ื
                                                                                                 ึ
                                     ี
                                   ี
                                                                               ุ
                                                                                       ุ
                       (ICA) องค์กรน้มขนาดต่างๆ อย่างองค์กรสังคมโดยทั่วไป ตั้งแต่กล่มสังคม ชมชนไปจนถงสังคม
                                                                       ่
                                                                        ึ
                       มนษย์  องค์กรแต่ละขนาดประกอบด้วยบทบาทจ านวนหนง  แต่ละบทบาทจะมอ านาจบังคับผู้อน
                                                                                         ี
                         ุ
                                                                                                      ื่
                               ่
                                ึ
                       จ านวนหนง
   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116   117