Page 107 - 049
P. 107
93
ิ
ิ
ึ
ุ
ิ
ี
ี
1. ก าหนดกฎและระเบยบวิธการปฏบัตมาตรฐานข้นมาเพื่อควบคมพฤตกรรมท ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
็
ุ
้
ี่
แตกราว เปนการประกันการปฏบัตต่อบคคลอย่างยุตธรรมและช่วยให้ยุตความขัดแย้งทคาดคะเนได้
ี
ู
ั
2. มการปรบปรงเปลยนแปลงรปแบบงาน การมอบหมายงาน ขอบเขตอ านาจหน้าท ี่
ี่
ุ
ื่
ื่
ื
ุ
และเรองอนทมผลต่อความสัมพันธระหว่างบคคลหรอกล่มเพื่อลดหรอเพิ่มความขัดแย้ง
์
ี่
ี
ุ
ื
3. ปรบปรงเปลยนแปลงระบบผลตอบแทนเพื่อสนับสนนการแข่งขันหรอความร่วมมอ
ั
ุ
ื
ุ
ี่
ื
ั
ี
่
4. ให้มผู้แทนฝายต่างๆ ในการร่วมก าหนดนโยบายเพื่อให้ร่วมกันแก้ไขปญหาโดย
การเผชญหน้ากัน
ิ
ิ
ี
ิ
ี
ั
ี่
5. สรางต าแหน่งพิเศษทรบผิดชอบในการประนประนอมและตัดสนช้ขาดช่วยยุตข้อ
้
ั
ุ
ี
ั
ื่
ั
ื
ั
ุ
้
ขัดแย้ง หรอจัดให้มกลไกรบเรองราวรองทกข์เพื่อรบฟงปญหาข้อขัดแย้งเพื่อการปรบปรงแก้ไข
ั
ี่
ิ
ึ
6. ฝกอบรมเจ้าหน้าทระดับบรหารให้สามารถใช้กลยุทธ์จัดการความขัดแย้งท ี่
เหมาะสม
็
ในการบรหารความขัดแย้ง จ าเปนต้องอาศัยทักษะในการจัดการกับความขัดแย้ง ได้แก่
ิ
ิ
ื
ื
ุ
ื่
1. การอยู่เฉยๆ ทางเลอกแรกของบคคล เมอเผชญกับความขัดแย้ง คอการอยู่เฉยๆ
ิ
ื
ี่
ุ
็
ิ
ี่
ุ
พฤตกรรมของบคคลทแสดงอาการของการอยู่เฉยๆ มักจะเปนบคคลทถออคตว่าความขัดแย้ง
ทั้งหลายจะลดลงไปเอง
ึ
2. การระงับความขัดแย้ง บคคลจะเผชญกับความขัดแย้งในลักษณะใดข้นอยู่กับวิธการ
ิ
ี
ุ
ี
ทเขามองความขัดแย้ง ผู้มอ านาจมักจะใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ฝายตน การระงับความขัดแย้งใน
ี่
่
็
ี
่
์
ลักษณะน้จะเปนสถานการณทแพ้ทั้งสองฝาย
ี่
ิ
ิ
ั
3. การรกษาสภาพสมดลระหว่างประสทธภาพและความคดสรางสรรค์ในหน่วยงาน
้
ิ
ุ
ซงผู้บรหารจะต้องรกษาระดับความสนใจและข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้ง เฝาระวังสังเกตด ู
ิ
ึ
ั
้
่
ี
์
สภาพการณของความขัดแย้ง และใช้วิธการแก้ไขความขัดแย้งอย่างเหมาะสม
ี
ิ
ิ
ดังนั้น การทจะประสบความส าเรจในการบรหารความขัดแย้งอย่างมประสทธภาพ
ิ
ี่
็
ี่
ั
ทักษะทจ าเปนส าหรบผู้บริหาร ได้แก่
็
ื
์
็
์
1. การวิเคราะหสถานการณ เปนการแยกเหตการณหรอสถานการณทเกิดข้นออกเปน
ี่
์
์
ึ
็
ุ
ส่วนๆ ซงเปนผลมาจากข้อเท็จจรง เปาหมาย วิธการ และค่านยมทแตกต่างกัน โดยต้องม ี
ี่
ี
่
ิ
้
ึ
ิ
็
่
การประเมนขั้นตอนของการแสดงความขัดแย้ง ซงได้แก่ การคาดคะเนว่าจะเกิดความขัดแย้ง ม ี
ึ
ิ
ิ
ุ
็
ื
ุ
ี
การพูดคยประเดนความขัดแย้งในกล่มบ่อยๆ มการโต้เถยงหรอพิพาทกันอย่างเปดเผย และมการ
ี
ี
ุ
ี
่
่
เรยกรองให้ตัดสนใจในเรองน้ ซงแต่ละบคคลแสดงตนเข้าข้างฝายใดฝายหนงอย่างชัดเจน
ี
ึ
่
ิ
ื่
้
ึ
่
์
ิ
์
ี
ื่
ในการวิเคราะหสถานการณต้องใช้หลักการสังเกตของตนเอง สังเกตคนอนว่ามปฏกิรยาอย่างไรใน
ิ
์
ิ
ื่
สถานการณทคงท ฟงความคดเหนของผู้อนต่อการกระท าของตนเอง ทั้งค าชมและค าต าหน
็
ั
ี่
ี่
ิ