Page 62 - 040
P. 62
62
5. เสริมแรงและพยายามผลักดันให้วิสัยทัศน์สู่อนาคตอยู่ในกระแสของ
องค์การตลอดเวลา
6. ใช้การสื่อสารทางวาจาอย่างมีประสิทธิผล
7. ไม่พูดไร้สาระหรือพูดซ้ าซากแต่ขาดความจริงใจ
8. ปรับระดับของภาษาที่ใช้ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง
9. ปฏิสัมพันธ์เป็นรายบุคคลและพบปะพูดคุยแบบสองต่อสองกับ
ผู้ร่วมงาน
10. พยายามศึกษาให้เข้าถึงบุคลิกภาพที่แท้จริงของผู้ร่วมงานรายคน
11. คิดหาวิธีใหม่ที่ดีกว่าในการท างานอยู่ตลอดเวลา
12. กระตุ้นคนอื่นให้คิดหาวิธีใหม่ที่ดีกว่าในการท างานอย่างสม่ าเสมอ
13. กระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการริเริ่มทดลองใหม่ ๆ ขึ้น โดยไม่มีการ
ต าหนิใครเมื่อการปฏิบัติงานดังกล่าวพบความล้มเหลว
14. แสวงหาความคิดช่วยเหลือจากผู้ตามพร้อมทั้งเต็มใจรับข้อมูลป้อนกลับ
จากผู้ตาม
15. เอาใจใส่แก้ปัญหาขั้นตอน กฎระเบียบต่าง ๆ ที่ท าให้งานล่าช้า
(Red – Tape) และเป็นอปสรรคอยู่ตลอดเวลา
ุ
16. คลุกคลีและปรากฏตัวอยู่ในที่ท างานกับผู้ร่วมงานเป็นประจ า
ผู้น าองค์การที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสถานศึกษาได้จะต้องมีทั้ง
ิ
ทักษะของการเป็นผู้น า (Leadership) ควบคู่กับทักษะการเป็นผู้บรหาร (Managers) กล่าวคือ ต้องมี
ทั้งภาวะผู้น า (Leadership) และการบริหารจัดการ (Management) ควรอยู่ในบุคคลเดียวกัน และ
่
บุคคลเช่นว่านี้ก็คือ ครูใหญหรือผู้อ านวยการของโรงเรียน (สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์, 2549 ก :
ออนไลน์) และจากแนวความคิดของภาวะผู้น าแบบเปลี่ยนสภาพ Leithwood และคณะ (1999)
พอสรุปได้ดังตารางต่อไปนี้