Page 40 - 040
P. 40
40
วินัยประการที่ 4 การเรียนรู้ของทีม (Team Learning)
ื
การเรียนรร่วมกันของสมาชิกในลักษณะกลุ่ม หรอทีมงาน เป็นเป้าหมายส าคัญที่
ู้
จะต้องท า ให้เกิดขึ้นเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์กันอย่างสม ่าเสมอ
ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ การเรียนรู้ชนิดนี้เน้นการท างานเพื่อก่อให้เกิดความ
ร่วมแรงร่วมใจ มีความสามัคคีในการร่วมมือกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผู้บริหารจึงต้องส่งเสริม
ู้
ให้ทุกคนในองค์กร ได้ท างานร่วมกันเป็นทีม และมีการแลกเปลี่ยนเรียนร ประสบการณ์และทักษะ
เพื่อพัฒนาภูมิปัญญาและศักยภาพของทีมงานโดยรวม
Senge (1990 : 236-237) เห็นว่าการเรียนรู้เป็นทีมมี 3 ลักษณะส าคัญได้แก่
1. สมาชิกทีมต้องมีความสามารถในการคิด ตีปัญหา หรอประเด็นพิจารณาให้
ื
แตกหลายหัวร่วมกันคิด ย่อมดีกว่าการให้บุคคลคนเดียวคิด
2. ภายในทีมต้องมีการท างานที่สอดประสานกันเป็นอย่างดี คิดในสิ่งที่ใหม่และ
แตกต่าง มีความไว้วางใจตอกัน
่
3. บทบาทของสมาชิกทีมหนึ่งที่มีต่อทีมอื่นๆ ขณะที่ทีมหนึ่งสมาชิกเรียนรู้อย่าง
ต่อเนื่อง การประพฤติปฏิบัติของทีมนั้นยังส่งผลต่อทีมอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะช่วยการสร้างองค์การแห่ง
การเรียนรู้ให้มีพลังมากขึ้น
วินัยประการที่ 5 การคิดอย่างเป็นระบบ (Systems Thinking)
Senge (1990 : 68) ได้ให้ความหมายของค าว่า “การคิดอย่างเป็นระบบ (Systems
Thinking)” ไว้ว่า “วินัยของการเห็นภาพโดยรวม เห็นทั้งหมด มีกรอบที่มองเห็นความสัมพันธ์ที่
เกี่ยวข้องกัน มากกว่าที่จะเห็นแค่เชิงเหตเชิงผล เห็นแนวโน้มรูปแบบของความเปลี่ยนแปลงมากกว่า
ุ
ที่จะเห็นแค่ฉาบฉวยหรือผิวเผิน”
การคิดอย่างเป็นระบบมีความส าคัญอย่างมากกับสภาพการบริหารในยุคการ
เปลี่ยนแปลง ที่เต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ ทุนทางปัญญาที่ผู้บริหารทุกคนจ าเป็นต้องมี
สมองของผู้บริหารต้องเข้าใจสภาพขององค์ประกอบย่อยต่างๆ ในองค์การ เข้าใจปัจจัยพื้นฐาน
ประวัติศาสตร์และพัฒนาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เห็นความซับซ้อนเกี่ยวกับสัมพันธ์กันของระบบ
ย่อย
ลักษณะของการคิดอย่างเป็นระบบที่ดี ได้แก่
1. คิดเป็นกลยุทธ์ ชัดเจนในเป้าหมาย มีแนวทางที่หลากหลาย แน่วแน่ใน
เป้าหมาย มีวิสัยทัศน์
2. คิดทันการ ไม่ช้าเกินการณ์ มองให้เห็นความจริง บางทีเชิงปฏิบัติก่อนปัญหา
จะเกิด