Page 151 - 040
P. 151
151
5) ด้านกระบวนการบริหาร 6)ด้านการท างานเป็นทีม 7) ด้านโครงสร้างขององค์การ 8) ด้านวิสัยทัศน์
และกลยุทธ์ 9) ด้านการสร้างสรรค์และถ่ายโอนความรู้ 10) ด้านการพัฒนาบุคลากร 11) และด้าน
เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของสมคิด สร้อยน้ า (2547 : บทคัดย่อ)
ี
ที่ศึกษาการพัฒนาตัวแบบองค์การแห่งการเรียนรู้ในโรงเรยนมัธยมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ประกอบไปด้วย 11 ปัจจัย ได้แก่ บรรยากาศและวัฒนธรรม
ู
ของโรงเรียน การปฏิบัติงานของครและทีมงาน เป้าหมายและข้อมูลย้อนกลับการของปฏิบัติงาน
์
วิสัยทัศน์ พันธกิจและยุทธศาสตร การปฏิบัติด้านการจัดการ การพัฒนาครูและทีมงาน การจูงใจ
้
ภาวะผู้น าทางวิชาการ เทคโนโลยีและระบบงาน โครงสรางของโรงเรียน และปฏิบัติด้านการบริหาร
ซึ่งพบว่า ทุกปัจจัยที่ศึกษาส่งผลต่อสภาพการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อยู่ในระดับ “มาก” และ
สอดคล้องกับผลการศึกษาของจ าเริญ จิตรหลัง (2550 : บทคัดย่อ) ที่ศึกษารูปแบบความสัมพันธ์
โครงสร้างเชิงเส้นของปัจจัยการจัดการความรู้ที่ส่งผลต่อองค์การแห่งการเรียนรู้ในสถานศึกษาสังกัด
ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งพบว่า สถานศึกษาสังกัดส านักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดภาคใต้ มีระดับปัจจัยการจัดการความรู้และความเป็น
องค์การแห่งการเรียนรู้ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และในการศึกษาครั้งนี้พบว่าปัจจัยที่มีค่าเฉลี่ย
สูงสุด 3 อันดับแรกเรียงล าดับ ได้แก่ ปัจจัยด้านภาวะผู้น า ปัจจัยด้านความมีประสิทธิผล และปัจจัย
ิ
ด้านบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การ ส่วนปัจจัยการบรหารที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ปัจจัยด้าน
เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การที่ผลการวิจัยปรากฏเช่นนอาจเป็นเพราะว่า สถานศึกษาที่เป็นองค์การ
ี้
แห่งการเรียนรู้ ภาวะผู้น ามีบทบาทส าคัญในการปฏิรูปองค์การโดยการใช้การเรียนรู้องค์การ (LO)
และการจัดการด้านความรู้ (KM) ซึ่งสอดคล้องลักษณะขององค์การแห่งการเรียนรู้ที่วิเชียร วิทยอุดม
(2547) ที่ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับภาวะผู้น ามีบทบาทส าคัญในการปฏิรูปองค์การโดยการใช้การเรียนร ู้
องค์การ (LO) และการจัดการด้านความรู้ (KM) และยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความจ าเป็นของ
การเรียนรู้ มีการส่งเสริมการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมเกี่ยวกับอนาคตขององค์การ รวมถึงการมุ่งไปสู่
วิสัยทัศน์ขององค์การแห่งการเรียนรู้ นอกจากนั้นแล้ว ผู้น ายังต้องเสริมและผลักดันบรรยากาศแห่ง
การร่วมมือให้เกิดในองค์การ ผู้น าที่มีความมุ่งมั่นและเข้มแข็งจะสามารถแสดงบทบาทได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล รองลงมา คือ ความมีประสิทธิผล ซึ่งประกอบด้วยความมี
ั
ั
ประสิทธิผลของบุคคลและกลุ่มรวมกัน สอดคล้องกับวิโรจน์ สารรัตนะและอญชลี สารรตนะ ( 2545)
ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยทางการบริหารที่ส่งผลต่อความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ในโรงเรียน
ประถมศึกษาสังกัดคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เขตการศึกษา 9 ซึ่งได้ก าหนดปัจจัย
ความมีประสิทธิผลของโรงเรียน เป็นปัจจัยหนึ่งทีมีอิทธิพลต่อความเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ใน
โรงเรียนประถมศึกษา และปัจจัยด้านบรรยากาศและวัฒนธรรมองค์การที่มีระดับมาก แสดงให้เห็น