Page 51 - 032
P. 51

31







                                                ู
                                                                                                    ี
                                                                                         ็
                                                 ้
                                             ี
                                     1.  การเรยนรด้วยการน าตนเอง  (Self-directed  Learning)  เปนโครงการเรยนรที่
                                                                                                        ู
                                                                                                        ้
                                                           ั
                                                                        ื
                                    ี
                                                 ็
                                                                                                    ็
                       ก าหนดโดยผู้เรยน  โดยไม่จ าเปนต้องได้รบความช่วยเหลอจากนักการศกษา  แต่สามารถเปนการ
                                                                                    ึ
                                                                                           ุ
                                                                                          ี
                                                                                                         ิ
                                              ี
                                                          ็
                                                                                      ี
                                                             ื่
                                                  ้
                                                  ู
                                                        ี
                       น าเสนอของวิทยากร การเรยนรแบบน้เปนเรองของความตั้งใจ เพราะผู้เรยนมจดหมายในบางส่ง
                                                                              ู
                                                                          ี
                                                                                        ็
                                                                              ้
                                                             ี่
                                            ู
                                        ี
                                              ิ
                                            ้
                                                                                            ื่
                                                                                                   ิ
                                                                                                        ึ
                       บางอย่างที่ต้องการเรยนร ส่งนั้นอาจมาก่อนทกระบวนการเรยนรจะเกิดขึ้น เปนเรองของจตส านก
                                                          ู
                                                      ี
                       โดยปจเจกบุคคลตระหนักว่าเขาต้องเรยนร้ในบางส่งบางอย่าง
                                                                 ิ
                           ั
                                     2. การเรยนรทเกิดขึ้นโดยบังเอญ (Incidental Learning) หมายถงประสบการณใน
                                            ี
                                                                                          ึ
                                                               ิ
                                                                                                       ์
                                                 ี่
                                                ู
                                                ้
                                            ี
                                                                                   ื่
                               ู
                                 ี่
                                                                                        ั
                            ี
                                        ิ
                                                                         ิ
                                    ี
                                                                     ี
                               ้
                       การเรยนรทผู้เรยนมได้มความตั้งใจมาก่อนว่าจะต้องเรยนส่งนั้น แต่เมอได้รบประสบการณ เขาก็
                                                                                                     ์
                                     ี
                          ู
                                                               ็
                       รับร้ได้ว่าเขาได้เรยนร้บางอย่างขึ้นมาดังนั้น จึงเปนความไม่ตั้งใจแต่ร้สกตัว
                                         ู
                                                                                 ึ
                                                                                ู
                                                   ี
                                                                                   ึ
                                                                                         ู
                                     3. การเรยนรในชวิตประจ าวัน (Tacit Learning) หมายถงการร้ในคณค่า
                                            ี
                                                                                            ุ
                                                ้
                                                ู
                                                                ี
                                          ื
                                                                                               ้
                                                                                           ี
                       ทัศนคติ พฤติกรรม หรอทักษะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชวิตประจ าวัน มใช่เพียงแค่การเรยนรตามอัธยาศัย
                                                                                               ู
                                                                             ิ
                                                    ี
                       มเกิดขึ้นโดยผ่านกระบวนการทเรยกว่า  “การตีความ”(Interpretation)  ซงวิธการน้มการนยามไว้
                                                                                        ี
                                                                                                    ิ
                                                                                             ี
                                                                                               ี
                                                                                     ่
                                                  ี่
                        ี
                                                                                     ึ
                                                           ี
                       หลายลักษณะด้วยกัน  แต่เมอไม่นานมาน้  ก็เกิดเหนพรองต้องกันในนยามทใกล้เคียงกันในสอง
                                                                                    ิ
                                                                       ้
                                                                  ็
                                                                                         ี่
                                               ื่
                                                               ื่
                                           ็
                       ลักษณะว่า การตีความ เปนกระบวนการในการสอสารในลักษณะของความสัมพันธ์ทางด้านอารมณ      ์
                       และสติปญญา ระหว่างความสนใจของผู้ชมและความหมายที่มอยู่ในแหล่งเรยนรนั้นการตีความ ให้
                                                                                      ี
                                                                                          ู
                              ั
                                                                           ี
                                                                                          ้
                                                                                      ุ
                                                        ั
                                                                                     ี
                                                       ิ
                                                                      ์
                                                                                                ี่
                       โอกาสกับประชาชนในทั้งทางด้านสตปญญาและอารมณการตีความควรมจดม่งหมายทจะน าเสนอ
                                                                                        ุ
                                                              ี่
                                                                         ็
                                                                                                       ิ
                       ในภาพรวม มากกว่าแยกส่วน“การตีความ” ทน าเสนอต่อเดกไม่ควรทจะลดความเข้มข้นจากส่งท     ี่
                                                                                  ี่
                                                    ี
                       เสนอต่อผู้ใหญ่ แต่ควรเสนอด้วยวิธการพื้นฐานที่แตกต่างกัน โดยอาจแยกโปรแกรมกัน

                                      2.2.3.3 แนวคิดเรองหลักสูตรของการศกษาตามอัธยาศย
                                                                      ึ
                                                                                   ั
                                                    ื่
                                                                                  ึ
                                                                                          ี
                                       แนวคิดเรองหลักสตรน้ Jeffs และ Smith (1999 อ้างถงใน วิศน ศิลตระกูล, 2542)
                                             ื่
                                                         ี
                                                     ู
                                                                                  ึ
                                      ็
                                         ี่
                                                                                                      ึ
                       ได้โต้แย้งความเหนทว่าหลักสตรท าให้เกิดการเส้นแบ่งระหว่างการศกษาในระบบและการศกษา
                                                 ู
                       ตามอัธยาศัย เขายืนยันว่าทฤษฎหลักสตรและการปฏบัต (Curriculum Theory Andpractice) ก าหนด
                                                 ี
                                                                   ิ
                                                                     ิ
                                                      ู
                                                            ั
                                 ิ
                                                                        ื่
                       ขึ้นภายใต้บรบทของโรงเรยน และนเองคือปญหาที่ส าคัญเมอน ามาใช้ในการศึกษาตามอัธยาศัย การ
                                                     ี่
                                             ี
                       รับแนวคิดในเรองทฤษฎหลักสตรและการปฏิบัติ โดยนักการศึกษาตามอัธยาศัย เกิดขึ้นจากความ
                                            ี
                                                 ู
                                    ื่
                                                              ึ
                                                                                           ี
                                     ี
                                                        ื
                                                                   ี
                                                                                        ็
                                                             ่
                       ต้องการที่จะให้มความชัดเจนเกี่ยวกับเน้อหา ซงก็ยังมความล าบากในความเหนน้ กระนั้นก็ตาม ยัง
                         ิ
                                       ื่
                        ี
                                           ี
                       มส่งที่ต้องเน้นในเรองน้ส าหรับการศึกษาตามอัธยาศัย 2 ประการ
                                     ประการแรก ในรปแบบของหลักสตร ครเข้าส่สถานการณด้วยข้อเสนอของการ
                                                                         ู
                                                                                        ์
                                                    ู
                                                                             ู
                                                                   ู
                       ปฏิบัติ (Proposal for Action) ซงได้ก าหนดหลักการและรายละเอยดของการศกษาทชัดเจนแล้ว แต่
                                                 ึ
                                                                                        ึ
                                                                             ี
                                                                                             ี่
                                                ่
                                          ิ
                                                                                        ิ
                       การศึกษาตามอัธยาศัยมใช่เช่นนั้น นักการศึกษาตามอัธยาศัยไม่จ าเปนต้องมส่งน้ เขาไม่จ าเปนต้อง
                                                                                      ี
                                                                                          ี
                                                                                                    ็
                                                                               ็
                       ก้าวส่สถานการณด้วยข้อเสนอของการปฏิบัติที่ชัดเจน แต่เขามความคิดที่ว่าจะท าอะไรเพื่อให้ความ
                                                                           ี
                                     ์
                           ู
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56