Page 64 - 029
P. 64

48








                                     ดังที่พระองคอลลอฮฺ ทรงดํารัสไวในอัลกุรอานวา
                                                 ั



                                              !
                                       (#θßϑ‹É)ƒuρ  u™$xΖm    t⎦⎪Ïe$!$#    ã&s!    t⎦⎫ÁÎ=øƒèΧ   ©!# $     (#ρ߉6÷èu‹9 Ï     ωÎ)  (#ρâ∆é&   !$tΒuρ
                                                                                  ÿ
                                          ã
                                                                          ç
                                                                                    É
                                                              Å
                                                u
                                                 ã
                                                               ∩∈∪   ÏπyϑÍhŠ)9# $    ß⎯ƒÏŠ   y7Ï9≡Œρ   4    nο4θx.“9# $    (#θè?σƒuρ   nο4θn=¢Á9# $
                                                                            ¨
                                                                                   ã
                                                                                  ÷
                                                                      s
                                                                       u
                                                             ø
                                                            s
                                     (5 :ﺔﻨﻴﺒﻟﺍ)
                                     ความวา “และพวกเขามิไดถกบัญชาใหกระทําอื่นใดนอกจากเพื่อ
                                                            ู
                                                  ั
                                     เคารพภักดีตออลลอฮฺ เปนผเจตนาบริสทธในการภักดีตอพระองค
                                                            ู
                                                                     ุ
                                     เปนผอยูในแนวทางที่เที่ยงตรงและดํารงละหมาดและจายซะกาต
                                          ู
                                     และนั้นแหละคือศาสนาอันเที่ยงตรง”
                                                                               ั
                                                                                                                 (อลบัยยินะฮฺ: 5)

                                                                                          ี
                                                 ั
                                     ดวยความซื่อสตยนั้นสามารถนําพามนุษยไปสูความปลอดภัย มความสุข และดวย
                               ั
                       ความซื่อสตยของบุคคลนั้นจะเปนที่นาเชื่อถือในคําพูด ไดรับการยอมรับ (Barmawi Umari, 1978:
                       50  อางจากซาฮาบียะห โตะอาลม: 2543:43)  และจะตองความซื่อสตยทงในคําพูดและการกระทํา
                                                                                ั
                                                  ิ
                           
                                                                                    ั้
                                                                                         ิ
                       (tahir Daeng, 1992: 261  อางจากซาฮาบียะห โตะอาลิม: 2543:43)  สาหรบอหมาม เฆาะซาลี ได
                                                                                      ั
                                               
                                                                                   ํ
                       กลาวถงความซื่อสตยไว2 ประการคือ หนึ่ง ตองมีความซื่อสัตยในเรื่องศาสนา เชน ซื่อสัตยในเรื่อง
                             ึ
                                      ั
                         
                                                                   ั
                                                                  ี
                                                                                      ั
                       การละหมาด จายซะกาต ถอศิลอด การประกอบพิธฮจญ สองคือ ความซื่อสตยทมตอสงคม เชนใน
                                             ื
                                                                                           ี
                                                                                               ั
                                                                                          ี่
                                                                                    ิ่
                                                                                                  ํ
                       เวลาทํางาน การทํางานรวมกัน การปฏิบติกิจกรรมตางๆ ในสังคม และสงอื่นๆ โดยไมทาใหผูอื่น
                                                         ั
                            
                                                         
                       เดือดรอน (Hussein Baitreisi, 1981: 54 อางจากซาฮาบียะห โตะอาลิม: 2543:43)
                                             ู
                                         15.  รจักพอเพียงและพอใจในสิ่งที่มี การรูจักความพอดี พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู
                                                                    ิ
                                                                                                   ั
                                                                             ู
                              ั
                       และไดรบนั้นเปนคุณสมบัติแทจริงของผูศรทธาตออสลาม ครผสอนอสลามในฐานะผูศรทธาตอ
                                                                            ู
                                                                                   ิ
                                                            ั
                                          ุ
                       อิสลามศึกษาจึงพึงมีคณลักษณะขอนี้ ซึ่งสงผลใหไมเปนผูอิจฉาริษยาผูอื่น เปนผูรูจักประมาณ
                       ตนเอง พอใจและใชในสิ่งที่ตนมีอยู ไมโลภและกอบโกยทรัพยสิน ไมคดโกงผูอนและไมฉอราษฎร
                                                                                                  
                                                                                         ื่
                        ั
                       บงหลวง ไมละเมิดสิทธิของผูอื่น (กรมวิชาการ, 2546: 301)
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69