Page 41 - 029
P. 41

25








                                     1. เปนสิ่งที่ชวยอธิบายใหอลกุรอานมีความชัดเจนยิ่งขึ้น เปนสิ่งที่บอกรายละเอียด
                                                
                                                            ั
                                                                                                 ู
                                                    ั
                       ในบางหลักการที่ยังคลุมเครือไมชดเจน อกทั้งยังชวยจํากัดความหมายหลักการตางๆ ทถกกลาวไว
                                                          ี
                                                                                                     
                                                                                                ี่
                                                                                      ี่
                       ในอัลกุรอานอยางกวาง นอกจากนั้นสุนนะหยังชวยชแจงโองการตางๆ ทถูกยกเลิกไปแลวและมี
                                                                     ี้
                       โองการใหมมาแทนที่ เชนการอธิบายการละหมาด และการจายซะกาตเปนตน
                                                                                       
                                     2. สนนะฮฺยังชวยเพิ่มรายละเอียดในบัญญัติตางๆ ทถกกลาวเปนหลกการไวใน
                                         ุ
                                                                                                ั
                                                                                  ี่
                                                                                   ู
                        ั
                                                                          
                                                                      ู
                       อลกุรอานโดยการนํามาซึ่งรายละเอียดตามหลักการที่ถกกลาวไว เชนการสาบานสาปแชงซึ่งอัลกุ
                       รอานไดชแจงเรื่องดังกลาวไวอยางสมบูรณแบบครบถวน โดยที่ซุนนะหเปนตัวกําหนดวิธีปฏิบติ
                               ี้
                                                                                                        ั
                       เชน ใหมีการแยกกันอยูระหวางสามีภรรยาตามหลักการดังกลาว
                                     3. สนนะฮฺเปนตัวนํามาซึ่งบทบัญญัติใหมๆ ทอลกุรอานไมไดระบุไว ตัวอยางเชน
                                                                             ั
                                                                           ี่
                                         ุ
                       การหามรับประทานเนื้อมาลาย และสัตวมีพษตางๆ
                                                           ิ
                                                                     ั
                                                        ื
                                     สนนะฮฺนาบาวียะหถอเปนภาคปฏิบติของอิสลาม เปนการนําทฤษฎีเขาสูการ
                                      ุ
                                                                                    ู
                                                                         ั
                         ิ
                       ปฏบติ เปนการเปลี่ยนจากความรูความเขาใจไปสูการปฏิบติจรงที่เปนรปธรรมและสัมผสไดดวย
                           ั
                                                                             ิ
                                                                                                  ั
                       สมผสทั้งหา
                        ั
                           ั
                                     ทานนบีมูฮาหมัด ไดวางรูปแบบอันเปนแบบอยางของมารยาทในทางปฏิบติ ท    ี่
                                                                                                      ั
                                              ํ
                                      
                                                                                                         ึ่
                                                                                     
                       มสลมทุกคนสมควรนํามาเปนแนวทางแหงการดํารงชีวิตเปนอยางยิ่ง ทานนบี ไดดํารงไวซง
                           ิ
                        ุ
                       แบบอยางที่ไดทาการเรียกรองจนไมสามารถแบงแยกไดระหวางการดําเนินชีวิตจริงกับการแสดงให
                                              
                                    ํ
                                                       ุ
                                         
                       ดูเปนตัวอยางตามที่ทานไดเรยกรอง คณลักษณะอันประเสริฐของทานครอบคลุมในทุกๆ ดานของ
                                                   
                                               ี
                       การดําเนินชีวิต ทานเปนพอผทเต็มเปยมไปดวยความเมตตาและเปนจอมทัพผกลาหาญ และยังเปน
                                               ู
                                                                                           
                                                 ี่
                                     
                                                                                        ู
                          ู
                                          ู
                                                          
                       ครูผชาญฉลาดเปนผูที่ถกทดสอบที่เปยมลนดวยความอดทน นอกจากนั้นซุนนะหหรอแนวทางของ
                                                                                              ื
                       ทานไดหยิบยื่นขอบขายการศึกษาใหแกเราไวอยางครบถวนอีกดวย แนวทางของทานเพรียบพรอม
                        
                                      
                       ไปดวยการปลูกฝงพื้นฐานการเรียนการสอนและวิธการจัดการเรียนการสอน โดยที่ทานนบีไดให
                                                                                               
                                                                   ี
                       ความสําคัญตอระดับและฐานันดรของผูเรยนและยอมรับความแตกตางระหวางบุคคลที่มอยูในตัว
                                                          ี
                                                                                                  ี
                                                 
                                                        ิ่
                       ของผูเรยน ดังจะเห็นไดจากที่ทานไดเรมการเรียนการสอนอยางคอยเปนคอยไป เชนการปดปลอย
                             ี
                                                                                ํ
                                                                 ิ
                                                                                                  ี่
                                                                                                      ั
                       บรรดาประชาชาติของทานออกจากประเพณีปฏบติทขดแยงตอคาสอนของอิสลาม ทกําลงแผ
                                                                       ั
                                                                      ี่
                                                                   ั
                                                                        ั
                       กระจายปกคลุมสังคมในสมัยนั้นเหมือนเงาตามตัว (เซน มูฮมมัด ชาฮาตะฮฺ. ม.ป.ป: 6-7)
                                     นอกจากนั้นแลวแหลงความรูเพื่อการเรียนรในอิสลามยังมีอกหลายแหลง อาทิเชน
                                                                          ู
                                                  
                                                                                       ี
                                                                                                       ู
                       สติปญญาซึ่งเปนอวัยวะที่มอยูจริงแตมิอาจสัมผัสดวยประสาทสัมผัสทั้ง 5  ได  และไมอาจลวงรถึง
                                              ี
                           
                                                                       
                       ขอบเขตของมันไดเชนกันอยางไรก็ตามผลที่เกิดจากสติปญญานั้นสามารถสัมผสได  หลงจากผาน
                                                                                                  ั
                                                                                         ั
                                                                       ึ่
                                                   
                       กระบวนการคิดอยางสมบูรณแลว และประวัติศาสตรซงเปนที่อางอิงทบทวนกิจกรรมตางๆของ
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46