Page 388 - 022
P. 388
388
ี่
ี
ห่างจากสถาบันมัสยิดโดยห้ามสตรออกจากบ้านไปเข้าร่วมละหมาดญะมาอะฮ์ห้าเวลาทมัสยิด
ี
ุ
ี
(Muslim: 4/135, 4/138) แม้กระทั่งห้ามออกไปละหมาดวันอดปละสองหน โดยให้เหตผลว่าอาจเกิด
ื
ื
1
ิ
้
ึ
่
ิ
ึ
ฟตนะฮ์ ซงบั่นทอนจตส านกของพวกนางให้ลดลงและท าลายความกระตอรอรนในบทบาททาง
สังคมและการเมองของพวกนางอย่างเหนได้ชัด ประกอบกับการเมองในรฐอสลามหลังยุคเคาะ
ิ
็
ื
ื
ั
ี
ึ
ิ
ี
ู
็
็
ื
ู
ลฟะฮ์อัรรอชดนค่อนข้างมความเปนเผดจการ การปรกษาหารอในระดับประชาชนถกจ ากัด ยิ่งท า
ึ
ให้จตส านกทางสังคมและการเมองของสตรลดน้อยถอยลง
ี
ื
ิ
ี่
ิ
็
ื่
ึ
ื
จตส านกทางการเมองเปนส่งทส าคัญในการขับเคลอนการก าหนดกิจกรรมทางการเมอง
ื
ิ
ึ
ึ
ิ
ี
ี
ของสตร และจตส านกน้ไม่มส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับระดับการศกษาของสตร ซงจะเหนได้ชัดว่า
ี
ึ
่
ี
็
ิ
ี
ี
ี่
ู
ึ
ื
ี
บรรดาเศาะหาบยาตในยุคสมัยของท่านนบ มจตส านกทางการเมองในระดับทสงมาก ทั้งๆ ท ี่
ื
้
ู
ี
สภาพความไม่รหนังสอของบรรดาเศาะหาบยาตยังมอยู่แพร่หลายอย่างกว้างขวางในสังคมสมัยนั้น
ี
ู
ื
้
ดังนั้นอาจสรปได้ว่า ความไม่รหนังสอไม่ใช่เปนสาเหตของความตกต าของจตส านกทางการเมอง
ุ
่
ุ
ื
็
ิ
ึ
ิ
ุ
ื
ุ
ี
ทั้งของบรษและสตร การแสวงหาจตส านกทางการเมองมความจ าเปนเหมอนกับการแสวงหา
ึ
ี
ื
็
ู
ความร
้
ิ
ี
ื
ศาสนาอสลามได้ยกระดับจตส านกทางสังคมและการเมองของสตรผ่านการปฏบัต ิ
ิ
ิ
ึ
็
ี
ิ
ศาสนกิจโดยมมัสยิดเปนศูนย์กลาง กิจกรรมทางสังคมและการเมองจะต้องผูกโยงอย่างใกล้ชดกับ
ื
ิ
ุ
สถาบันมัสยิดทั้งน้ ีเพื่อไม่ให้จตวิญญาณแห่งอะกีดะฮ์สญหาย และให้เกิดความสมดลระหว่าง
ู
้
อะกีดะฮ์กับกิจกรรมทางสังคมและกิจกรรมทางการเมองภายใต้ร่มเงาแห่งเตาฮด พรอมกับขยายฐาน
ื
ี
บทบาทของสถาบันมัสยิดให้ครอบคลมกิจกรรมต่างๆ ในทางอารยธรรม (‘Izzat, 1995: 112)
ุ
3. ทิศทางของสงคม
ั
ี
ึ
ี
ึ
ิ
การมส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมองของสตรข้นอยู่กับศักยภาพ ระดับจตส านกและ
ื
ิ
ู
ี่
ี
ื
ื่
ทศทางของสังคมทพวกนางอาศัยอยู่ การเคลอนไหวทางการเมองของสตรส่วนใหญ่ถกก าหนดโดย
็
ี
ุ
ี่
ขนบธรรมเนยมประเพณของสังคมทนางอาศัยอยู่ ซงบางสังคมเปนโทษในขณะทบางสังคมเปนคณ
่
ี
็
ี่
ึ
ี
ต่อการเคลอนไหวทางการเมองของพวกนาง ชะรอะฮ์อสลามให้การยอมรบต่อขนบธรรมเนยม
ั
ื่
ิ
ี
ื
ึ
่
ี
ี่
็
ื
ประเพณของแต่ละสังคมและถอเปนหลักฐานประการหนงของชะรอะฮ์ตราบเท่าทไม่ขัดกับหลัก
ี
1
ิ
ี
อมาม อะหมัด ไม่ค่อยพอใจทจะให้สตรในยุคสมัยของท่านออกไปละหมาดอด เพราะเกรงว่าอาจเกิดฟตนะฮ์
ี
ี่
์
ิ
ี
ี
ี
ี
อมาม อัลเษารย์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่ค่อยพอใจทจะให้สตรในวันน้ออกไปละหมาดอด” ส่วนอมาม อบ หะนฟะฮ์
ิ
ี
ู
ี่
ิ
ู
ี
ึ
้
ั
ุ
ั
ี
กล่าวว่า “สตรในอดตนั้นเคยได้รบอนญาตให้ออกไปละหมาดอด แต่ในปจจบันน้ข้าพเจ้าเองก็รสกไม่พอใจ”
ุ
ี
ี
ี่
ิ
ี
ิ
ิ
ี
ู
ในขณะทอมาม มาลกกล่าวว่า “อนญาตให้ออกไปละหมาดอดเฉพาะสตรทอายุมากเท่านั้น (ดรายละเอยดเพ่มเตม
ุ
ี
ิ
ี่
ใน Ibn Hanbal, 2002: 152-153)