Page 205 - 022
P. 205
205
ี
ึ
ิ
ี
ุ
ั
คร้งแรกตามการเสนอแนะของนางอัสมาอ์ บนต์ อมัยส (Al-Bayhaqi, 1988: 7/285) ซงนางเสยชวิต
์
่
ี
ี่
ุ
ในป ฮ.ศ. ท 20 ในสมัยการปกครองของเคาะลฟะฮ์อมัร (Ibn al-Athir, 1994: 7/128) แต่ปรากฏใน
ี
ิ
่
ี
ึ
ี
ี
ุ
ฺ
ี
ี
รายงานของอบน สะอด์ว่ามการใช้โลงศพตั้งสมัยของท่านนบ เสยอก ซงมรายงานจากนางฟาฏ ิ
ุ
ิ
์
ุ
่
้
มะฮ์ อัลคซาอยะฮ์ รบรายงานจากนางอัสมาอ์ บนต์ อมัยสกล่าวว่า “ดิฉนเปนผูอาบน าศพของทาน
ั
้
ั
็
ิ
ฺ
ิ
ู
ิ
์
์
์
ั
์
ิ
้
หญงอมม กัลษูม บนต รสลลลาฮ และศพของนางศอฟยะฮ บนต อบดุลมุฏฏอลบ และดิฉนไดท า
ิ
ั
ิ
ี
ุ
ี่
ิ
ี
ี
ุ
่
้
โลงศพใหแกนาง...” (Ibn Sa‘d, 1990: 8/31) ซงเปนททราบว่าท่านหญงอมม์ กัลษูมนั้นเสยชวิตในป ี
็
ึ
่
ี
ี
ุ
ิ
ี
ี
ิ
ุ
ี่
ฮ.ศ.ท 9 ส่วนนางศอฟยะฮ์ บนต์ อับดลมฏฏอลบนั้นเสยชวิตในสมัยการปกครองของเคาะลฟะฮ์
ิ
็
ี
ุ
่
อมัร (Ibn Sa‘d, 1990: 8/34) นอกจากน้ในรายงานของอบน สะอด์อกเช่นกันซงเปนสายรายงาน
ฺ
ุ
ี
ึ
ุ
ุ
์
ั
ู
ุ
ี
ิ
ึ
ิ
่
จากอะล อบน หสัยน ซงรบจากอบน อับบาสกล่าวว่า โลงศพถกน ามาใช้คร้ ังแรกกับศพของท่าน
้
ิ
ฺ
ิ
่
ึ
ุ
หญงฟาฏมะฮ์ บนต์ รสลลลาฮ ซงนางอัสมาอ์ บนต์ อมัยส เปนผู้สรางให้ (Ibn Sa‘d, 1990: 8/23)
ู
็
ิ
ิ
์
ิ
ั
็
แม้ว่านักวิชาการมความเหนทแตกต่างกันว่าโลงศพถกน ามาใช้กับศพใครเปนคร้งแรกในอสลาม แต่
ู
ิ
็
ี่
ี
้
ุ
ิ
ุ
็
ิ
็
์
ทกคนเหนพ้องต้องกันว่านางอัสมาอ์ บนต์ อมัยสเปนเจ้าของแนวคดการสรางโลงศพคร้ ังแรกใน
ี
ึ
ิ
อสลาม ซงแสดงให้เหนว่าเศาะหาบยาตในยุคสมัยของท่านนบ ให้ความสนใจต่อความเปนไป
่
็
ี
็
็
ของสังคมเปนอย่างมาก
4.2.2 การมีสวนรวมในกิจกรรมศาสนา
่
่
่
์
1) ละหมาดญะมาอะฮ (รวมกัน) ที่มัสญิด
ุ
ิ
ิ
็
็
มัสญดเปนสถาบันทส าคัญทสดในสังคมมสลม เพราะนอกจากเปนศูนย์กลางการปฏบัต ิ
ี่
ี่
ุ
ิ
็
ศาสนกิจและการศกษาหาความรแล้ว ยังเปนศูนย์กลางกิจกรรมทางสังคม วัฒนธรรมและการเมอง
ู
้
ื
ึ
อกด้วย การสรางมัสญดอันนะบะวีย์ทนครมะดนะฮ์ถอเปนภารกิจแรกๆ ทท่านนบ ได้กระท าข้น
ี
ิ
ึ
ี
ี่
ี
้
ื
ี่
็
ี
ี
ึ
ี
ี
หลังจากอพยพไปถงนครมะดนะฮ์ได้ไม่นาน มตัวบทหะดษหลายบททท่านนบ ได้ก าชับให้
ี่
1
ี
ุ
ี่
ิ
ิ
มสลมมาละหมาดฟรฎห้าเวลาร่วมกันทมัสญด ทั้งน้นอกจากจะได้ผลบญมากกว่าหลายเท่ากับการ
ั
ุ
ู
ี่
ี
ละหมาดคนเดยวทบ้านแล้ว การมามัสญดยังมความส าคัญในมตทางสังคมอกด้วย โดยเฉพาะอย่าง
ิ
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ั
ยิ่งท าให้สมาชกในสังคมมโอกาสรบฟงอัลกุรอานจากอมามในละหมาด รบฟงคฏบะฮ์ หรอรบฟง
ิ
ั
ั
ั
ั
ี
ุ
ั
ื
ี่
ี
ิ
การเทศนาธรรมทั่วไป อกทั้งมโอกาสและพื้นทในการพบปะสังสรรค์ วิสาสะระหว่างมสลมผู้
ุ
ี
1
ี่
ี
ี
ี
ี่
ิ
ี
ุ
ี
ี่
ตัวอย่างเช่น หะดษบคอรย์ เลขท 645, 646 หะดษมุสลม เลขท 653 ด้วยเหตุน้นักวิชาการมทัศนะทแตกต่างกันใน
ุ
ื
ิ
บทบัญญัตเกี่ยวกับการละหมาดร่วมกันหรอละหมาดญะมาอะฮ์ทมัสญด บางทัศนะเหนว่าเปนสนัตมอักกะดะฮ์
ุ
ิ
็
ี่
็
็
็
ี่
็
( ) ส่วนบางทัศนะเหนว่าเปนฟรฎกิฟายะฮ์ ( ) และในขณะทบางทัศนะเหนว่าเปนฟรฎอัยน์
ั
ั
็
ู
ู
ี
ู
( ) (ดรายละเอยดเพ่มเตมใน Zaydan, 1993: 1/209)
ิ
ิ