Page 34 - 020
P. 34
34
ี
้
ี
์
จะอยู่ในสถานการณเดยวกันก็ตาม ความต้องการมผลไม่เพียง แต่เฉพาะเปาหมายของบคคลทจะให้
ี่
ุ
ิ
้
ี่
ี
ู
ั
็
ี
ุ
ี
ประสบความสําเรจเท่านั้น แต่จะมผลต่อวิธการทบคคลรบรต่อส่งแวดล้อมอกด้วย
สรปว่า มตบคคล (Individual Element) ซงเปนส่วนประกอบหนงของระบบสังคมเปนมตทาง
ิ
ุ
็
่
่
ิ
ิ
ุ
ิ
ึ
็
ึ
ิ
ุ
ี่
ิ
ึ
ี่
ิ
ุ
ิ
จตวิทยาทอธบายถงลักษณะของพฤตกรรมของบคคลทเกี่ยวข้องกั บบคลกภาพและความต้องการของ
ี
แต่ละบคคล (Individual Personality Needs) มตน้รวมเรยกว่า The Idiographic Dimension
ี
ิ
ิ
ุ
ิ
ิ
ิ
มตด้านสถาบันประกอบด้วย สถาบัน บทบาท และความคาดหวังส่วนมตด้านบคคล
ุ
ิ
็
์
ี
่
ุ
บคลกภาพ และความต้องการ มตทั้งสองด้านน้ต่างก็มปฏสัมพันธซงกันและกันและผลสดท้ายก็จะเปน
ึ
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ุ
พฤตกรรมทเหนได้ในสังคม
ี่
ิ
็
ี่
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
พฤตกรรมของมนษย์ในสังคมระบบเปดทมการบรหารจะมการปะทะอทธพลส่งแวดล้อม
ิ
ุ
ิ
ี
ิ
ี
ิ
รอบตัวมสถาบันทคอยควบคมพฤตกรรม คนจงต้องดําเนนไปตามบทบาทหน้าท แต่ในทางจตวิทยา
ึ
ิ
ี่
ี่
ุ
ิ
สังคมมนษย์ต้องการอสระ และมความคาดหวังจงขัด แย้งกัน ความสัมพันธผู้ร่วมงานกับระบบสังคม
์
ุ
ึ
ี
ิ
ิ
ิ
ุ
ิ
ิ
ิ
เกิดข้อคับข้องใจใน 2 มต เปนการขัดแย้งกัน คอ มตด้านสถาบันกับมตด้านบคคล
ื
็
ึ
์
ุ
ิ
ิ
ิ
การลดความขัดแย้งระหว่างสองมตดังกล่าวนั้น เกทเซลสและกูบา (อ้างถงใน เจรญผล สวรรณ
์
ื
ิ
ิ
ี
โชต. 2537 : 40) ได้เสนอแนะการให้มความสัมพันธทั้ งสองมตเพื่อลดความขัดแย้ง คอ ในมตด้าน
ิ
ิ
ิ
ี่
ั
ี่
ุ
สถาบันต้องสัมพันธซงกันและกันกับด้านบคคล บทบาทตามหน้าทต้องปรบโดยการเปนกล่มทเข้าใจ
ึ
่
ุ
็
์
่
ึ
ิ
ซงกันและกัน บทบาทของคนในสถาบันต้องมการสรางบรรยากาศให้เข้ากับบคลกภาพของแต่ละคน
ี
้
ุ
หมายถงต้องสัมพันธซงกันและกัน สาหรบในด้านความคาดหวังของคนให้สัมพันธกับความต้องการ
ั
์
่
ึ
ึ
์
ิ
ภายในของแต่ละคนจะต้องอาศัยความตั้งใจของทั้งสองฝายให้สัมพันธกันได้ ซงทางด้านจตวิทยาจะ
ึ
์
่
่
ขัดแย้งกัน แต่สามารถลดความขัดแย้งกันได้ดังทกล่าวมาแล้ว
ี่
ุ
ี
2. ทฤษฎบทบาทของแนเดล (Nadel’s Role Theory) แนเดล นักมนษย์วิทยา (อ้างถงในพิทยา
ึ
ื
เพชรรกษ์. 2539: 14) กล่าวว่าบทบาท คอ ส่วนประกอบทส่งผลพฤตกรรม 3 ลักษณะ
ิ
ั
ี่
2.1 ส่วนประกอบทส่งเสรมบทบาท เช่น ครต้องพูดเก่งและมอารมณขัน
ู
ี่
์
ิ
ี
ื
็
ี
ี่
ิ
2.2 ส่วนประกอบทมผลสําคัญต่อบทบาท และขาดมได้ เช่น ครต้องสอนหนังสอ เปนแพทย์
ู
ั
ต้องรกษาคนไข้ เปนตํารวจต้องจับผู้ราย
้
็
ิ
ี่
็
ู
ุ
ุ
็
็
2.3 ส่วนประกอบทเปนไปตามกฎหมาย เช่น ครต้องเปนสมาชกครสภา เปนต้น
ถ้ากําหนดให้ P คอบทบาท A คอ ส่วนประกอบทส่งเสรมบทบาท B คอ ส่วนประกอบทมผล
ี
ื
ิ
ี่
ี่
ื
ื
สําคัญต่อบทบาทและขาดมได้ C คอ ส่วนประกอบทเปนไปตามกฎหมาย ดังนั้น จงเขยนเปนสมการ
็
ึ
ี
ื
ี่
็
ิ
ั
ี่
บทบาทได้ว่า สมการบทบาท P = A + B + C …. + N (ทมา: พิทยา เพชรรกษ์. 2539: 14)
ั
ี
3. ทฤษฎบทบาทของโฮมันน์ (Homann’s Role Theory) โฮมันน์ (อ้างถงใน พิทยา เพชรรกษ์.
ึ
2539: 15) กล่าวว่า บคคล จะเปลยนบทบาทไปตามตําแหน่งเสมอ เช่น ตอนกลางวันแสดงบทบาทเปน
็
ี่
ุ