Page 146 - 001
P. 146
135
ื่
(Sātgharā) ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ในกลุ่มถ้ำขันทคีรี (Khandagiri) ที่สร้างขึ้นมาเพอประดิษฐานรูป
เคารพในศาสนาเชน ได้ปรากฏประติมากรรมรูปตีรถังกร (Tirthankaras) ทั้งเจ็ด และ
ประติมากรรมรูปสตรีอีก 7 รูป ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นสัปตมาตฤกา (Saptamātṛka) ในแบบ
29
ของศาสนาเชน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิศักติของศาสนาฮินดู ในขณะที่ในศาสนาพุทธ นิกาย
มหายานมีความเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้คนให้ความสำคัญกับพระโพธิสัตว์ทั้งเพศชายและเพศ
ี
หญิง รวมไปถึงเทพต่างๆ โดยบางครั้งพบว่าเทพต่างๆเหล่านั้น เป็นเทพของศาสนาฮินดู เช่น
ี
ี
30
พระสุรัสวดี ได้ถูกจัดให้กลายเป็นศักติของพระโพธิสัตว์มัญชูศรีผู้เป็นเทพแห่งวิชาการ เป็นต้น
5. การศึกษา ความรุ่งเรืองของยุคคุปตะ สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านงานทาง
ด้านการศึกษา กาลิทาสได้อ้างถึงวิทยา (Vidhayah) หรือความรู้ 4 ประเภท ได้แก่ 1) อันวิกษิกิ
(Anviksiki) การศึกษาเกี่ยวกับปรัชญาสางขยะ (Logic) โยคะ (Yoga) และอเทวนิยม (Atheism)
̣
2) วรรตะ (Varta) การศึกษาทางด้านเกษตรกรรม การค้า การพาณิชย์ ฯลฯ 3) ทันทะนิติ
(Dandaniti) การศึกษาเกี่ยวกับด้านการทูต ซึ่งเป็นศิลปะการบริหารจัดการรัฐอย่างหนึ่ง และ
4) ตรายิ (Trayi) การศึกษาเกี่ยวกับพระเวท ได้แก่ ฤคเวท สามเวท ยชุรเวท และภาคผนวก
ต่างๆ วิทยาด้านนี้เกี่ยวพันกับลำดับชีวิตในแต่ละห้วงเวลา
ผู้เรียนจะเริ่มต้นการศึกษาเมื่อสามารถนับเลขและเขียนหนังสือได้ ซึ่งจะมีอายุราว 6
ขวบโดยประมาณ และผู้เรียนจะต้องไปอาศัยอยู่ในบ้านของครู อาศรม หรือวิหารวัด ในลักษณะ
ของโรงเรียนประจำ การเรียนจะเริ่มฝึกอ่านและเขียน แล้วจึงเริ่มเรียนภาษาสันสกฤต ไวยากรณ์
และการแต่งประโยค จนเมื่อเข้าสู่ระดับมัธยมคือราวอายุ 11-15 ปี จึงเริ่มเรียนศาสตร์ต่างๆ
ตามที่ตนต้องการ ทั้งนี้ ตามบันทึกของฟาเหียน ภาษาชั้นสูงที่ใช้กันในราชสำนัก คือ ภาษา
ู
สันสกฤต (Sanskrit) ในขณะที่ภาษาพดโดยทั่วไปจะใช้ภาษาปรากฤต (Prakrit) ซึ่งเป็น
ภาษาระดับรองลงมา
ในส่วนของสาขาวิชานั้น มีมากมายหลายสาขาตามแต่ความต้องการและรสนิยมของ
ผู้เรียน นักศึกษาสามารถเลือกวิชาเรียนตามที่ตนถนัดไม่ว่าจะเป็นพระเวท ศิลปศาสตร์ แพทย์
ศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ โดยในยุคนี้ โลหะวิทยา ดาราศาสตร์ และเรขาคณิตมี
ความเจริญมาก หลักฐานทางโบราณคดีที่แสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญในเรื่องโลหกรรมของช่าง
ในยุคนี้ได้แก่ เสาเหล็กที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองของกรุงเดลฮีในปัจจุบัน ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยคุปตะ
ปรากฏการเป็นสนิมน้อยมากแม้จะตั้งตระหง่านมาเป็นระยะเวลาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม ในขณะ
ที่วิชาดาราศาสตร์มีนักปราชญ์ที่มีความโดดเด่น เช่น อารยภัฏ (Aryabhata) เขาเป็นชาวอินเดีย
คนแรกที่ค้นพบว่าโลกกลมและหมุนรอบตัวเอง ในขณะเดียวกันโลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์
อารยภฏยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพีชคณิตและเลขคณิต ซึ่งแม้จะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็น
ั
คนแรกที่คิดเรื่องระบบทศนิยมขึ้นมาหรือไม่ แต่เรื่องดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นในงานเขียนของเขา
31
แล้ว นักปราชญ์อีกผู้หนึ่งที่มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ในยุคนี้ คือ นาคารชุนะ
29 เทพีพระแม่ 7 พระองค ถือเป็นศักติของเทพเจ้าในศาสนาฮินด ู
์
30 ผาสุข อินทราวุธ. พุทธปฏิมาฝ่ายมหายาน, หน้า 81.
31 L.P. Sharma. Ancient History of India (Pre-historic Age to 1200 A.D.), 216.