Page 144 - 001
P. 144
133
ุ
4.2 ศาสนาพทธ แม้ศาสนาฮินดูจะเป็นที่นิยมมากที่สุดในอินเดียในยุคนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเบงกอล พิหาร และอุตตระประเทศ แต่ศาสนาพุทธก็ยังเป็นที่นิยมใน
ุ
ส่วนต่างๆของอินเดียอีกมาก โดยทั่วไปมักวิเคราะห์กันว่า ศาสนาพทธเริ่มล่มสลายลงในยุคคุป
ื้
ตะ เนื่องจากการฟนฟศาสนาฮินดูขึ้นมาใหม่ และสามารถดึงผู้คนกลับเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม
ู
หากพิจารณาให้ถ่องแท้จะเห็นว่ายุคนี้เป็นยุคที่รุ่งโรจน์อีกยุคหนึ่งของศาสนาพุทธเลยทีเดียว
หลักฐานความรุ่งเรืองของศาสนาพทธแสดงให้เห็นในหลายแง่มุม ยกตัวอย่างเช่น
ุ
คณาจารย์คนสำคัญเป็นต้นว่า อสังคะ (Asanga) วสุพนธุ (Vasubandhu) กุมารชีวะ
ั
ั
(Kumarjiva) และทิคนาคะ (Dignaga) ล้วนได้ประพนธ์วรรณกรรมทางศาสนาที่เป็นภาษา
สันสกฤตที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ ศิลปกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นที่ถ้ำอชันตา
(Ajanta) ถ้ำแอลโลรา (Ellora) รวมไปถึงสถาปัตยกรรมประเภทสถูป วิหาร และประติมากรรม
เนื่องในศาสนาพุทธที่ยังหลงเหลือตกทอดลงมาให้เห็นในปัจจุบัน ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่
ื่
แสดงให้เห็นว่าศาสนาพุทธในยุคคุปตะมีความเฟองฟูและเป็นที่นิยมไม่แพ้ศาสนาฮินดู ดังนั้นจึง
สามารถสร้างงานศิลปกรรมที่มีความงามที่สุดยุคหนึ่งของอินเดียได้
ื้
ทั้งนี้ จากบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน นิกายหินยานยังคงได้รับความนิยมอยู่ในพนที่
กัษมีระ คันธาระ และอัฟกานิสถานในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 10 อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา
นิกายมหายานก็เข้ามาแทนที่ในพื้นที่ดังกล่าว ในสมัยนี้ศาสนาพุทธยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง
ในเมืองมถุรา สาญจี นาลันทา วัลลภี และอานธระประเทศ โดยมีนิกายหินยานสรวาสติวาท
ได้รับการนับถือมากที่สุด
และแม้ว่ากษัตริย์ในราชวงศ์คุปตะจะนับถือศาสนาฮินดูเป็นศาสนาหลัก แต่จาก
หลักฐานประเภทจารึกและบันทึกการเดินทางของนักเดินทางที่เข้ามาในอินเดียในยุคนั้นได้
พิสูจน์ให้เห็นว่าศาสนาพุทธไม่ได้ถูกกดขี่ และได้รับการอุปถัมภ์จากกษัตริย์ด้วยเช่นเดียวกัน เช่น
ในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ 2 ทรงบริจาคเงินเป็นจำนวน 25 ดินาร่าทองคำให้แก่ชุมชนที่ดูแล
วิหารแห่งสาญจีอยู่ เป็นต้น วัดในศาสนาพุทธจึงมีบทบาทสำคัญทั้งในด้านการศึกษาและในด้าน
เศรษฐกิจ โดยมีมหาวิทยาลัยนาลันทาและมหาวิทยาลัยวิกรมศิลา เป็นสถานศึกษาที่มีชื่อเสียง
ของพุทธศาสนา โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยนาลันทามีนักศึกษาเป็นจำนวนหลายพันคน จากการ
ขุดค้นทางโบราณคดีที่มหาวิทยาลัยนาลันทาพบว่า เป็นสถานการศึกษาขนาดใหญ่ มีอาคาร
เรียนและห้องโถงสำหรับจัดประชุม ปาฐกถาหรือการบรรยายถึง 8 ห้อง และยังมีห้องเรียน
ขนาดเล็กอีก 300 ห้อง มีหอพกสำหรับพระภิกษุและนักศึกษา พระภิกษุดังกล่าวมีมาจากทั่ว
ั
24
ประเทศอินเดียและจากประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
4.3 ศาสนาเชน ตั้งแต่ในราวพทธศตวรรษที่ 3 มาแล้วที่ศาสนาเชนได้เริ่มฝังราก
ุ
ลึกลงตามภูมิภาคต่างๆของอินเดีย เริ่มจากที่มคธ และค่อยๆแพร่ขยายไปช้าๆ จนไปถึงแคว้น
24 เฉลิม พงศ์อาจารย์และคณะ. ประวัติศาสตร์อินเดีย, หน้า 58.