Page 10 - GL004
P. 10

3
                 จากมุมมองสวนตนที่ทํางานจํากัดตัวอยูในมหาวิทยาลัย จนไดแลเห็นขอใหญใจความอยางนอย
                 ประการซึ่งแสดงถึงภาวะขาดแคลนความสมดุลในการคิดจนถึงขั้นเอนเอียงไปทางความคิดแบบ
                 เกาๆ อันเรามักมองขามไปหรือวายังมิไดใสใจเทาที่ควร

                        ประการแรก การเปลี่ยนแปลงในสถานะของการสรางความรูและประเภทของความรู
                 ที่แลวมา เราสนใจเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับความรูกันเพียงเล็กนอย สนใจเรื่องการ
                 เปลี่ยนแปลงความรู สภาพการณเกี่ยวกับความรูนอยเกินไป แมจะมีการพูดถึงความรูที่มีฐานขอมูล

                 แตวาความรูกับขอมูลนั้น ก็นาจะมีความแตกตางกัน นี้นับเปนประเด็นสําคัญ เพราะสภาวะที่เรียกวา
                 สังคม ฐานความรู ยอมมองเห็นวาโลกนี้ตองมีความรูเปนตัวนํา เปนระบบที่เชื่อมโยง ไมปดกั้นตนเอง

                 เรียนรูจากทุกฝายอยางกวางขวาง เปนตน การเปลี่ยนแปลงทางดานความรู ไดสําแดงออกมา
                 ในหลายลักษณะ ความรูที่พัฒนาขึ้นในโรงเรียน ในสถาบันการศึกษาที่มหาวิทยาลัย ในทุกวันนี้

                 แมจะยังมีความสําคัญ ทวาก็ยังไมเพียงพอ เราตองยอมรับวาโลกที่กาวมาถึง ณ พ.ศ.นี้ วามีความรู
                 ที่มาจากผูปฏิบัติจริง มีความรูนอกระบบมีความรูของภูมิปญญาทองถิ่น นักปราชญชาวบาน ฯลฯ

                        กวา 2 ทศวรรษแลวที่มีการใชคําวา ภูมิปญญาทองถิ่น และภูมิปญญาชาวบาน ฯลฯ
                 จนเราคอนขางจะคุนชินกันแลว แตก็ไมไดมีความสนใจกันมากนัก วาความรูดังกลาวมีเนื้อหา
                 แตกตางจากความรูที่ไดมีการพัฒนากันในมหาวิทยาลัยอยางไร เราตั้งหลักสูตรในมหาวิทยาลัย

                 มากมาย โดยที่หลักสูตรจํานวนไมนอย มีมหาวิทยาลัยในเมืองใหญของตางประเทศและในประเทศ
                 เปนตนแบบสําหรับมหาวิทยาลัยในตางจังหวัดหลายแหง ฯลฯ มีการตั้งขอสังเกตที่นารับฟงวา

                 การศึกษากับการเรียนรูในสังคมปจจุบัน มีลักษณะที่วิ่งสวนทางกันมากยิ่งขึ้นทุกที มีโครงการ
                 การศึกษา หลักสูตรปริญญาระดับตางๆ เพิ่มขึ้นมากมาย แตความสามารถที่จะเรียนรูเรื่องปญหา

                 ความเดือดรอนที่สังคมเผชิญในทุกระดับซึ่งทวีมากขึ้นนั้นกลับตรงกันขาม  สภาพการณที่
                 กลับตาลปตรกันเชนนี้เปนไปไดอยางไรกัน แตภาวะเหลือเชื่อเชนนี้เปนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและดูเหมือน

                 จะไมอาจหยุดยั้งตัวมันเอง
                        ปญหาที่จะตองพิจารณาอีกประการหนึ่งก็คือ สิ่งที่เรียกวาความรู เกี่ยวกับ ความรูสึก
                 หรือไม ความรู คือ ขอมูล จดจํา แมนยํา คิดคํานวณ แตความรูสึกนั้นไดแก เรื่องความดี ความงาม



                 3   Michael Gibbons, et.al, The New Production of Knowledge. The Dynamics of Science and Research in
                   Contemporary Societies.  London: Sage Publications, 1994





                                                            ¡ÒÃà´Ô¹·Ò§ÊÙ‹ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁÈÖ¡ÉÒà¾×èÍ¡ÒþѲ¹Ò·ÕèÂÑè§Â×¹
                                                            ¡ÒÃà´Ô¹·Ò§ÊÙ‹ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁÈÖ¡ÉÒà¾×èÍ¡ÒþѲ¹Ò·ÕèÂÑè§Â×¹   9 9
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15