Page 182 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 182
160
1
2) แนวทางกุลลาบียะฮ
์
2
3) ช่วงท้ายชีวิตท่านกลับเนื้อกลับตัวโดยหันไปยึดปฏิบัติตามแนวทางสะลัฟ จนถึง
วันเสียชีวิตในปี ฮ.ศ. 324
การนับอะบู อัลฮะสัน อัลอัชอะรีย์ เป็นผู้ริเริ่มวิชาเตาฮีด คือ ในช่วงท่านยึดแนวทาง
กุลลาบียะฮ์ เนื่องจากแนวทางกุลลาบียะฮ์ได้ศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับคุณลักษณะมะอานีย์หรือ
5
3
4
ฺ
ศิฟาตอักลียะฮ และปรากฏมีการตีความคุณลักษณะฟิอฺลิยะฮ และเคาะบะริยะฮ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง
ฺ
ฺ
ของเนื้อหาวิชาเตาฮีด
7. ชื่อวิชาเตาฮีด
ٜٔا ًِع ٧بٛٗب ئ يرم ٘ػتع ٘يٚأ 6 تبجَ ً٘ت ٕار ّ٬ن ًِع ٕار زٝسٛت ًِع خانم ”
“ 7 خانم ٔؾ٫ٚر
ชื่อวิชาคือ อิลมุ เตาฮีดและอิลมุ กะลาม และมีบางคนในบรรดาพวกเขามีความเห็น
ว่าสําหรับวิชานี้ (อิลมฺ เตาฮีด) มี 8 ชื่อ
ผู้วิจัยเห็นว่าทั้ง 8 ชื่อปรากฏได้แก่ อิลมฺ อัตเตาฮีด , อิลมฺ อัศศิฟาต, อิลมฺ อะกออิด,
8
อิลมฺ อุศูล อัดดีน , อิลมฺ อัลกะลาม , เพิ่มอีกสองชื่อได้แก อิลมฺ อัลฟิกฺฮฺ อัลอักบัร , อิลมฺ อันนะ ศัร
่
พระองค์ในวันอาคิเราะฮ์
1
คือ แนวทางของ อะบี มุฮัมมัด อับดุลลอฮ์ เบ็น สะอีด เบ็น กุลลาบ อัลบัศรีย์ ซึ่งเป็นแนวทางกลางระหว่างสะลัฟกับมุอฺตะซิละฮ์
กล่าวคือ มีการอิษบาต (ยืนหยัด) คุณลักษณะอักลียะฮ์ และมีการตะอ์วีล (ตีความ) คุณลักษณะฟิอฺลียะฮฺและเคาะบะรียะฮ์
2 คือ แนวทางที่สอดคล้องกับนะบีและบรรดาเศาะฮาบะฮ์กล่าวคือ อิษบาต (ยืนหยัด) คุณลักษณะของอัลลอฮฺทั้งหมด โดยไม่ให้วิธีการ
และไม่เปรียบเทียบกับสิ่งอื่นใด
3
หมายถึงคุณลักษณะของอัลลอฮฺที่สามารถเข้าใจโดยสติป๎ญญาได้ อันได้แก่ อัลฮะยาต (การเป็น) อัลอิลมฺ (การรอบรู้) อัลกุดรัต
(ความสามารถ) อัลอิรอดัต (ความประสงค) อัสสัมอฺ (การได้ยิน) อัลบะศัร (การเห็น) และอัลกะลาม (การพูด)
์
4
หมายถึงคุณลักษณะของอัลลอฮฺที่มีความเกี่ยวพันกับความประสงค์ของพระองค์ กล่าวคือ หากพระองค์มีความประสงค์เมื่อใด
พระองค์ก็สามารถที่จะทําได้ อาทิเช่น อัลอิฮยาอ์ (การให้เป็น) อันนุซูล (การลง) และอัลอิสติวาอ์ อะลา อัลอัรชฺ (การสถิดอยู่เหนือ
บังลังค์ของพระองค) เป็นต้น
์
5
หมายถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงแจ้งไว้กับพระองค์เอง หรือท่านเราะสูลของพระองค์แจ้งไว้เกี่ยวกับคุณลักษณะ
ของพระองค์ อาทิเช่น อัลวัจฮฺ (พระพักตร) อัลยัด (พระหัตถ์) อัลเกาะดัม (พระบาท) และอัลอะศอบิอฺ (นิ้ว) เป็นต้น
์
6
ในเอกสารวิจัยสะกดคําว่า “ تبجَ ” เป็นการสะกดตามการสะกดแบบเก่า ซึ่งเป็นการสะกดส่วนใหญ่ที่ปรากฏในหนังสือญาวีอีก
หลายเล่ม ส่วนการสะกดแบบใหม่ คือ “تٛبجَ”
7
Tuan Mināl, n.d.: 5.
8
Dāwūd al-Fataniy, n.d.: 4.