Page 122 - การศึกษาวิเคราะห์หนังสืออะกีดะฮฺ อันนาญีน ฟี อิลมฺ อุศูล อัดดีน ของชัยคฺ ซัยนฺ อัลอาบิดีน เบ็น มุฮัมมัด อัลฟะฏอนีย์
P. 122

100







                                                                      ์
                       ท่านอธิบายเกี่ยวกับศิฟ๎ตอันนุซูล (การเสด็จลงของอัลลอฮ) ที่ปรากฏในฮะดีษว่า  : “เมื่อได้ยืนหยัดกับ
                       ผู้ไม่อยู่กับที่ว่า แท้จริงพระองค์   เป็นผู้ทรงบริสุทธิ์จากการมีรูปร่างและการมีที่จํากัด แน่นอนได้

                       ยับยั้งคําว่าอันนุซูลที่มีความหมายว่า การเคลื่อนไหวจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งที่ต่ํากว่า ดังนั้น
                       ความหมายของมันคือการเข้าใกล้เราะฮมัตของพระองค์” (al-Zurqāniy, 1990 : 2/49).

                                     กลุ่มเคาะลัฟจะใช้หลักการตะอ์วีลกับอายะฮ์ที่คลุมเครือ โดยเฉพาะอายะฮ์ที่เกี่ยวกับ

                       คุณลักษณะของอัลลอฮ์   เพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ต่ออัลลอฮ์    ดังเช่น การอธิบายของอิมาม
                       อัซซุรกอนีย์ข้างต้น

                                     2.2.9.3   กลุ่มตรงข้ามกับสะลัฟและเคาะลัฟ
                                     ชีอะฮ์เป็นกลุ่มหนึ่งที่มีอะกีดะฮ์เตาฮีดแตกต่างกับชาวสะลัฟและเคาะลัฟ ชีอะฮ ได้
                                                                                                     ์
                       ยึดถือหลักการการศรัทธาในเตาฮีดดังนี้

                                     1)  การศรัทธาในเตาฮีดอัลอุลูฮิยยะฮ  ์
                                     อะกีดะฮ์ของชีอะฮ์ที่เกี่ยวกับเตาฮีดอัลอุลูฮิยยะฮ์มีดังนี้ คือ

                                     ก. นําหลักฐานของเตาฮีดใช้เป็นหลักฐานในการแต่งตั้งบรรดาอิมาม หมายถึง การ

                       นําเอาตัวบทหรือหลักฐานจากอัลกุรอานที่สั่งใช้ให้ทําอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์องค์เดี่ยว เปลี่ยนความหมาย
                       เป็นการศรัทธาต่ออิมามอะลีย์ และบรรดาอิมามทั้งหลาย และตัวบทที่ทรงห้ามมิให้มีภาคีต่ออัลลอฮ์

                       กลับเปลี่ยนความหมายเป็นการตั้งภาคีในการแต่งตั้งอิมาม อาทิ เช่น คําตรัสของอัลลอฮ์  ที่ว่า :

                                                      ﭼ ﮹  ﮸  ﮷      ﮶  ﮵  ﮴  ﮳  ﮲   ﮱ  ﮰ  ﮯ     ﭽ

                                     )      65  ةيأ  نم ضعب  :  رمزلا  ةروس (
                                     ความว่า “และโดยแน่นอนได้มีวะฮยุมายังเจ้า (มุฮัมมัด) และมายังบรรดา

                                     นะบีก่อนหน้าเจ้า หากเจ้าตั้งภาคี (กับอัลลอฮ) แน่นอนการงานของเจ้าก็
                                                                          ์
                                     จะไร้ผล”

                                                 ์
                                             (สูเราะฮอัซซุมัร : ส่วนหนึ่งจากอายะฮ์ 65)
                                     หนังสืออัลกาฟีย์เป็นหนังสือของพวกชีอะฮ์ที่ถูกต้องที่สุดในการรายงาน  และตัฟสีร



                       อัลกุมมีย์เป็นหนังสือหลักที่ยึดถือของพวกเขา ได้อธิบายอายะฮ์คําว่า ﮷   ﮶  ﭽ หมายถึง "หากท่าน
                                                                              ﭼ
                                                                  ์
                       นะบีมุฮัมมัด  ได้ตั้งภาคีในการแต่งตั้ง (การวิลายะฮ) ให้กับผู้อื่นนอกจากอะลีย์”  (al-Kulainiy,1388
                       : 1/427) และในอีกสํานวนหนึ่งว่า   “หากท่านนะบีมุฮัมมัด   ได้สั่งให้แต่งตั้งคนหนึ่งพร้อมกับการ
                       แต่งตั้งอะลีย์ หลังจากท่าน แน่นอนการงานของท่านจะสูญเสีย” (al-Qummiy, 1387 : 2/251).
                                     การอธิบายของชีอะฮ์ข้างต้นเป็นการอธิบายที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของอายะฮ์

                       ซึ่งในอายะฮ์มีความชัดเจนเกี่ยวกับการให้ความเอกะต่ออัลลอฮ์    ในการทําอิบาดะฮ์ของบ่าว
                                                                                                     ์
                                  ์
                       แต่พวกชีอะฮกลับเบียงเบนความหมายของอายะฮ์ไปใช้กับอะลีย์  โดยการเปลี่ยน “การอิบาดะฮ”
                                      ์
                       เป็น “การวิลายะฮ” ทั้งๆ ที่อายะฮ์ไม่ได้กล่าวถึงแต่อย่างใด
   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127