Page 198 - 006
P. 198
187
ิ
โมกุลไม่ได้สนใจในวัฒนธรรมการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะของชาวฮินดู แต่พจารณาจากความรู้
ความสามารถของผู้ที่ทำงานในตำแหน่งนั้นๆมากกว่า ขุนนางในรัฐบาลของโมกุลจึงประกอบไป
ด้วยคนหลายชาติ และหลายวรรณะ เช่น ชาวเปอร์เซีย ฮินดู และมุสลิม เป็นต้น
ดังนั้น ในระยะแรกๆที่โมกุลเข้ามาปกครองประเทศ แม้จะเป็นชนต่างชาติและนับถือ
ศาสนาอิสลาม แต่ก็ไม่มีผลร้ายแรงใดๆเกิดขึ้น แต่เมื่อในระยะหลังที่ผู้ปกครองเคร่งศาสนาและ
ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความเชื่อของผู้คน อีกทั้งการบีบบังคับให้คนนอกศาสนาอิสลามดำเนินชีวิต
อย่างยากลำบากขึ้น จึงก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคม รูปแบบการปกครองที่กษัตริย์มีอำนาจ
มหาศาลเช่นนี้ จึงส่งผลเสียให้กับราชวงศ์โมกุลเอง เนื่องจากไม่มีระบบการคานอำนาจ
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษากษัตริย์ก็ไม่มีอำนาจใดๆในการที่จะระงับการกระทำ
ที่จะก่อให้เกิดผลเสียหายในอนาคตเช่นนี้ได้
2. สภาพเศรษฐกิจ รายได้ส่วนใหญ่ที่นำมาเลี้ยงดูรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับกองทัพ
และข้าราชการล้วนมาจากฝีมือของเกษตรกรทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือมาจากการค้าทั้งในและนอก
ภูมิภาค อย่างไรก็ดี แม้เกษตรกรจะเป็นผู้นำให้เกิดรายได้หลักแก่รัฐบาล แต่พวกเขากลับไม่ได้
รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีและกลับถูกเอาเปรียบอย่างหนัก พวกเขาไม่สามารปล่อยให้ที่ดิน
รกร้างว่างเปล่าหรือไร้การปลูกพืชใดๆได้ เนื่องจากการถูกบังคับให้ต้องเสียภาษีที่ดิน ดังนั้น การ
ถูกเก็บภาษีอย่างหนักทำให้ชาวนาก่อการกบฏขึ้นมาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าโอรัง
เซบ
ื่
ในขณะที่การค้าภายในอาณาจักรมีความเฟองฟูและทำผลกำไรให้กับผู้ค้าได้เป็นอย่างดี
ซึ่งรัฐก็ได้รับประโยชน์จากการเก็บภาษีในส่วนนี้ด้วย การค้าทางทะเลในมหาสมุทรอินเดียใน
ช่วงเวลาดังกล่าวก็มีความเจริญรุ่งเรือง เนื่องจากมีพอค้าจากชาติอื่นๆที่เป็นมุสลิมเช่นเดียวกัน
่
เป็นพันธมิตรคอยช่วยเหลือกันตามเมืองท่า ทั้งนี้ พ่อค้าจากชาติตะวันตกเริ่มมีบทบาทเด่นชัดใน
พุทธศตวรรษที่ 21 (คริสต์ศตวรรษที่ 16) จากการมาถึงกาลิกัต (Calicut) ของวาสโก ดา กามา
33
(Vasco da Gama) ในปี พ.ศ. 2041 (ค.ศ. 1498) โดยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ราชนาวีของ
โปรตุเกสมีความยิ่งใหญ่และเหนือกว่าผู้ใดในน่านน้ำอินเดีย แต่เมื่อเข้าสู่พทธศตวรรษที่ 22
ุ
(คริสต์ศตวรรษที่ 17) ก็ต้องหลีกทางให้กับราชนาวีของดัชต์ อังกฤษ และฝรั่งเศส ผู้เป็นเจ้าของ
บริษัทอินเดียตะวันออกต่างๆที่ตั้งอยู่ในอินเดีย ทั้งนี้ ทั้งดัชต์และอังกฤษให้ความสำคัญกับ
อินเดียเป็นอย่างมาก เนื่องจากการซื้อขายผ้าฝ้ายอินเดียในยุโรปทำกำไรมหาศาลให้กับทั้งสอง
ชาติ โดยนำทองและเงินที่ปล้นมาจากเสปนเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้า ราชวงศ์โมกุลผู้
ได้รับประโยชน์จึงต้อนรับพ่อค้าชาวตะวันตกมาก อย่างไรก็ตาม การเข้ามาสร้างกองกำลังทหาร
ของชาวยุโรปเหล่านี้ในอินเดียส่งผลเสียให้กับประเทศในเวลาต่อมา เมื่อสถานการณ์ต่างๆ
เปลี่ยนแปลงไปในพุทธศตวรรษที่ 24 (ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18)
อีกประการหนึ่งที่ควรกล่าวถึง คือ ภาษีส่วนใหญ่ถูกนำไปบำรุงบำเรอกองทัพและใช้เป็น
เงินเดือนข้าราชการ แต่กลับไม่ได้ถูกนำไปพฒนาให้คุณภาพชีวิตของชาวอินเดียดีขึ้นแต่อย่างใด
ั
เลย ประชาชนยังคงทุกข์ยากและแร้นแค้นเหมือนเช่นเดิมที่เคยเป็นมา
33 Burjor Avari. Islamic Civilization in South Asia, p. 111.