Page 197 - 006
P. 197
186
4. การไม่ตั้งกฎเกณฑ์ในการสืบราชบัลลังก์ เป็นเหตุให้พระโอรสทุกพระองค์ถือว่าตนมี
สิทธิ์ในการสืบสันตติวงศ์เท่าเทียมกัน เมื่อกษัตริย์องค์เก่าสิ้นพระชนม์ จึงเกิดการแย่งชิงราช
บัลลังก์กัน ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข ขุนนางต่างๆก็ไม่ได้มีความจงรักภักดีกับผู้ปกครององค์ใด
เป็นพิเศษ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จักรวรรดิโมกุลถึงแก่ความเสื่อม
5. ปัจจัยภายนอก ได้แก่ การบุกรุกเข้ามาของกองทัพเปอร์เซีย ซึ่งทำความเสียหาย
ให้กับอินเดียภาคเหนือและราชวงศ์โมกุลเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าการป้องกัน
ประเทศมีความอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก กองทัพเปอร์เซียยกทัพเข้ามาทางภาคตะวันตก
เฉียงเหนือ แต่บริเวณชายแดนกลับไม่สามารถต่อต้านกำลังทัพของเปอร์เซียไว้ได้ แม้นาดีร์ ชาห์
ผู้นำทัพเปอร์เซียจะไม่ได้มีจุดประสงค์เข้ามายึดครองอินเดียอย่างถาวร แต่การปล้นทรัพย์สิน
อันมีค่าของอินเดียไปเป็นจำนวนมาก ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราชวงศ์โมกุลอ่อนแอลง
6. ราชวงศ์โมกุลไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วในการขยาย
อิทธิพลของโลกตะวันตกตั้งแต่กลางพุทธศตวรรษที่ 22 (คริสต์ศตวรรษที่ 18) เนื่องจากนโยบาย
ื่
การมีกองทหารเพอรักษาความปลอดภัยของสถานีการค้าร่วมกันกับนโยบายการแสวงหา
ผลประโยชน์ของตะวันตก ทำให้ต่างชาติโดยเฉพาะอังกฤษมักเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในกลุ่มอำนาจต่างๆ ของอินเดีย เพราะการมีกองกำลังทหารและมีอาวุธที่
ื้
มีประสิทธิภาพ จึงทำให้กลุ่มชาวพนเมืองที่แก่งแย่งผลประโยชน์ระหว่างกันพยายามดึงอังกฤษ
เข้ามาเป็นพวกด้วย บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษจึงกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่ใหญ่และ
มั่นคงเกินกว่าชาวอินเดียจะปราบได้ในเวลาต่อมา
สรุปลักษณะสำคัญของราชวงศ์โมกุล
1. รูปแบบทางการปกครอง ส่วนใหญ่มาจากการวางรากฐานสมัยพระเจ้าอักบาร์ที่อยู่
บนหลักการที่ว่า รัฐบาลโมกุลเป็นการรวมเอาลักษณะของความเป็นอินเดียและไม่ใช่อินเดียเข้า
ไว้ด้วยกัน (combination of Indian and extra-Indian elements) กษัตริย์เป็นผู้ที่มี
32
อำนาจสูงสุดและบริหารประเทศด้วยระบบราชการแบบเรียงลำดับขั้นตามการบังคับบัญชา
(hierarchical bureaucracy) ด้วยรูปแบบการปกครองลักษณะนี้ กษัตริย์จึงดำรงตำแหน่งผู้นำ
ทุกหน่วยงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายตุลาการ บริหาร หรือนิติบัญญัติ ซึ่งการปกครอง
ในลักษณะนี้ในสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเช่น อินเดีย กษัตริย์จะต้องมีพระทัย
กว้างและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ รวมไปถึงความเชื่อของประชาชนมาก
จนเกินไป ดังที่กษัตริย์ในช่วงแรกๆของราชวงศ์โมกุลปฏิบัติ ทำให้สังคมไม่เกิดความวุ่นวาย
เพราะถึงแม้ว่าโมกุลจะเป็นผู้ปกครองที่มีเชื้อสายชาวต่างชาติ แต่ชาวอินเดียส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชน
ชั้นกลางไปจนถึงชนชั้นล่างเคยชินกับการที่ถูกคนในวรรณะสูงกว่าซึ่งมีเชื้อสายเดียวกันเอา
เปรียบมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น การที่ผู้ปกครองจะเป็นคนเชื้อสายเดียวกันหรือเป็นคนต่างชาติ
จึงไม่มีความหมายใดๆมากนัก นอกจากนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งกลับมีความชอบใจโดยเฉพาะผู้ที่
อยู่ในวรรณะต่ำเช่น ศูทร หรือจัณฑาล เนื่องจากได้มีโอกาสทำงานในตำแหน่งดีๆ เพราะรัฐบาล
32 R.C. Majumdar. An Advanced History of India, p. 554.