Page 33 - 047
P. 33
12
ิ
ี่
ี
ิ
ปอเนาะต้นก าเนดของโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม และท าหน้าทให้
ิ
ุ
ึ
็
ึ
ั
่
ุ
ี่
ี
การศกษาแก่คนในชมชนมสลมมาตั้งแต่อดต ซงค าว่า “ปอเนาะ” เปนค าทมาจากภาษาอาหรบว่า
“ฟนดก” ซงแปลว่าโรงแรมหรอทพัก (hotel) แต่ในภาษามลายูนั้นค าว่า “ปอเนาะ” หรอ “ปอนด็อก”
ื
ี่
่
ื
ึ
ุ
ุ
ุ
ิ
ิ
ู
ั
ุ
ี
ถกน ามาใช้ในความหมายว่ากระท่อม ส าหรบมสลมในประเทศไทยและมสลมในเอเชยตะวันออก
ึ
เฉยงใต้โดยทั่วไปแล้วนั้น ค าว่า “ปอเนาะ” หมายถงสถาบันการศกษาแบบดั้งเดม รปแบบการเรยน
ู
ึ
ิ
ี
ี
ี
การสอนในสถาบันแห่งน้นั้น คาดว่าคงจะยึดถอรปแบบหะลาเกาะฮ์ โดยนักเรยนจะนั่งล้อมรอบ
ี
ื
ู
ครผู้สอนเพื่อฟงการบรรยาย ในช่วงเร่มแรกนั้นการศกษาจะเร่มต้นข้นทบ้านของโต๊ะครเองก่อน แต่
ึ
ึ
ู
ิ
ิ
ั
ู
ี่
เมอจ านวนนักเรยนเพิ่มจ านวนมากข้น ก็จ าเปนจะต้องมสถานททกว้างขวางกว่าซงสามารถรองรบ
ี
ี
ี่
ั
ึ
ื่
็
ี่
่
ึ
ู
ึ
ี่
ึ
นักเรยนได้ทั่วถง ศูนย์กลางการศกษาจงถกย้ายจากบ้านของโต๊ะครไปยังสเหร่าหรอมัสยิดในทสด
ู
ุ
ี
ึ
ื
ุ
ี
ื
ุ
็
ซงความโดดเด่นและความร่งเรองของปอเนาะในปตานไม่ได้ท าให้ปตานเปนเพียงแค่ศูนย์กลาง
ึ
่
ี
ิ
ี
ึ
ิ
ู
ี
ี
การศกษาอสลามในเอเชยตะวันออกเฉยงใต้เท่านั้น แต่ยังเปนแหล่งผลตอละมาอ์ในภมภาคแห่งน้อก
ิ
ุ
ี
็
ุ
ิ
็
ี
ด้วย อละมาอ์เหล่าน้ได้กลายเปนผู้สอน ผู้ผลตต ารา และผู้แปลต าราจากภาษาอาหรบเปนภาษามลายู
็
ั
ุ
่
ิ
อละมาอ์คนส าคัญ ๆ ซงเคยสอนในปอเนาะต่าง ๆ ในปตานประกอบด้วย เชคดาวูด บน อับดลลอฮ ฺ
ี
ุ
ึ
อัลฟะฏอนย์ เชควันอะหมัด บน มศเฏาะฟาอัลฟะฏอนย์, เชคซัยนัลอาบดนอัลฟะฏอนย์ และเชค
ี
ี
์
ิ
ี
ุ
ิ
ี
็
ั
์
ี
ุ
ี
มุฮัมมัด ซัยนอัลฟะฏอนย์ อละมาอ์เหล่าน้ได้แต่งและแปลต าราภาษาอาหรบ เปนภาษามลายู ต ารา
ี
ี่
ุ
็
ดังกล่าวกลายเปนต าราทใช้สอนในปอเนาะในปตานและในคาบสมทรมลายูโดยทั่วไป
ี
้
ึ
็
ี่
ื
ู
ต าราทกล่าวถงน้เปนต าราทรจักกันในโลกมลายูว่า กิตาบยาวี หรอ กิตาบกูนง (Saifuddeen Abu Ni-
ี่
ิ
nasreen, 2558:ระบบออนไลน์)
ี่
ิ
ี
ิ
็
หลังจากทปอเนาะได้แปรสภาพเปนโรงเรยนราษฎรสอนศาสนาอสลามเสรจส้น
์
็
ใน พ.ศ. 2514 โดยอยู่ในความควบคมของกองโรงเรยนราษฎร กรมวิสามัญศกษา
ึ
ี
์
ุ
ื
์
ิ
ี่
ิ
ุ
ี
ี
ึ
กระทรวงศกษาธการ กฎหมายทใช้บังคับและควบคมโรงเรยนราษฎร คอ พระราชบัญญัตโรงเรยน
ี
ึ
์
ี
ื่
ราษฎร พ.ศ. 2497 ซงใช้บังคับมาตั้งแต่วันท 10 ก.พ. 2497 ต่อมาเมอป พ.ศ. 2515 ได้มประกาศของ
่
ี่
ิ
ิ
ึ
ี่
คณะปฏวัต ฉบับท 216 ให้จัดตั้งส านักงานคณะกรรมการการศกษาเอกชน (สช.) ข้ ึนใน
ึ
์
ิ
กระทรวงศกษาธการ และโอนงานของกองโรงเรยนราษฎรไปเปนของส านักงานคณะกรรมการ
ี
็
ั
ี
การศกษาเอกชน และในป พ.ศ. 2518 ได้มการปรบปรงพระราชบัญญัตโรงเรยนราษฎร พ.ศ. 2497
ึ
์
ี
ุ
ี
ิ
ึ
ี
อกคร้งหนง เรยกว่า พระราชบัญญัตโรงเรยนราษฎร พ.ศ. 2518 ต่อมาในป พ.ศ. 2525 จงได้เปลยน
ี
ั
ี่
์
ี
ิ
่
ึ
ี
์
ิ
็
ื่
ี
ิ
ี
ชอ พระราชบัญญัตโรงเรยนราษฎรเปน พระราชบัญญัตโรงเรยนเอกชน เพื่อให้สอดคล้องกับชอ
ื่
ึ
ุ
ึ
่
ึ
ั
ส านักงานคณะกรรมการการศกษาเอกชน ซงใช้มาจนถงปจจบันน้ ี ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับ
ึ
ิ
ิ
ี
็
ี
ื่
์
ี่
พระราชบัญญัตโรงเรยนเอกชน พ.ศ. 2525 โรงเรยนราษฎรสอนศาสนาอสลาม จงได้เปลยนชอเปน
ิ
ี
ึ
ี
โรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม ในป พ.ศ. 2526 (ส านักพัฒนาการศกษา ศาสนาและวัฒนธรรม