Page 214 - 045
P. 214
192
ผลการวิจัยเป็นเช่นนี้อาจเนื่องมาจากผู้บริหารสถานศึกษามีความรับผิดชอบ
ั
ั
ื่
มีกลไกในการควบคุมการปฏิบัติงานที่ดี มีความตระหนักเรองความศรทธาที่มีต่ออลลอฮฺ โดย
มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ส่วนหนึ่งของเคารพภักดี (อบาดะฮฺ) ที่ยิ่งใหญนั้นคือการมอบหมาย
่
ิ
ั
ต่ออลลอฮฺ ผู้สูงส่งในทุกการและส่วนหนึ่งที่ส าคัญยิ่งอาจเป็นเพราะว่าผู้บรหารไม่เพียงแค่มี
ิ
ู้
ื่
ิ
ความร มีพื้นฐาน ความเข้าใจในเรองศาสนา แต่ยังประกอบด้วยกับการน าหลักการอสลามมาใช้
ั
ื่
ควบคู่กับการบริหารจัดการอย่างจริงจังและสร้างเรองความศรทธาภายในจิตใจเป็นหัวใจส าคัญและ
กลไกขับเคลื่อนในการปฏิบัติหน้าที่การงานฐานะผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง
วัตถุประสงค์ที่ 2 เพื่อเปรียบเทียบสภาพการด าเนินงานตามกระบวนการ
วางแผนของผู้บริหารตามทัศนะของบุคลากรโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สังกัดส านักงาน
การศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส จ าแนกตามเพศ ระดับการศึกษา ต าแหน่ง ประสบการณ์การ
ี
ท างาน และขนาดโรงเรยน
ผลการวิจัยพบว่า
1. การวิเคราะห์เปรยบเทียบสภาพการด าเนินงานตามกระบวนการวางแผนของ
ี
ิ
ี
ิ
ผู้บรหารตามทัศนะของบุคลากรโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม สังกัดส านักงานการศึกษา
เอกชนจังหวัดนราธิวาส ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีเพศต่างกัน โดยภาพรวมพบว่ามีความคิดเห็น
ไม่แตกต่างกัน สอดคล้องกับงานวิจัยของซอฝีเย๊าะ หวังหลี (2556) ได้วิจัยเรองการด าเนินงาน
ื่
ิ
ี
วางแผนกลยุทธ์ของโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามในจังหวัดสตูล จ าแนกตามตัวแปรเพศ
พบว่าการเปรียบเทียบสภาพการด าเนินงานวางแผนกลยุทธ์ของโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลาม
ี
ิ
ในจังหวัดสตูล โดยรวมและรายขั้นตอนไม่แตกต่างกัน ไม่เป็นไปตามสมมติฐาน
ผลการวิจัยเป็นเช่นนี้อาจเนื่องมาจากส่วนหนึ่งจากสภาพสังคมปัจจุบันเพศหญง
ิ
ี
มีบทบาทในการปฏิบัติงานในโรงเรยนเพิ่มมากขึ้น มีศักยภาพในการท างานมากขึ้น ท าให้มีมุมมอง
ิ
เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตามกระบวนการวางแผนของผู้บรหารที่ไม่แตกต่างกับเพศชาย อกทั้ง
ี
ู
นโยบายของส านักงานคณะกรรมการเอกชน ต้องการปรบปรงประสิทธิภาพการท างานของครให้
ั
ุ
เป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544) ที่เน้นคนเป็น
ู
ศูนย์กลางการพัฒนา การพัฒนาครจึงมีความส าคัญท าให้ครสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพ
ู