Page 74 - 018
P. 74

74







                                                        2.7.2.2  การใชประโยชนจากทรพยสนหะรอมในการกอสรางมัสยิด
                                                                  ั
                                                                     ์
                                                                      ิ
                                                                                         ้
                                                    ้
                                                                                     ่
                                                            ์
                                                                              ี9
                                                                                  ิ
                                                                      ็
                                                            ี9
                                                   ็
                                                             ี9
                                                                    ิ
                                                               ี
                                                                 มัสยิดเปนสถานททมเกิยรต เปนสถานททําอบาดะฮต่ออัลลอฮ()
                                                                                        ฺ
                                                                                                 ฺ
                          ี9
                       ดังทอัลกุรอานได้กล่าวว่า :
                                                                   ã
                                                                                       r
                                         18 (           : ﻦﳉا   )  #‰tn& r    «!$#   yìtΒ  (#θãô‰? s  Ÿξù s      ¬!    y‰Éf≈|¡yϑø9$#  ¨β&uρ) 3
                                                       Y   (
                                        ความว่า  : “แท้จรงบรรดามัสยิดนั4นเปนของอัลลอฮ ดังนั4น พวกเจ้า
                                                                                   ฺ
                                                      ิ
                                                                       ็
                                                                     ฺ
                                                         ี
                                                            ู
                                                                           ิ
                                        อย่าวิงวอนขอผู้ใดเคยงค่กับอัลลอฮ” (อัลญน :18 )
                                                          โองการอัลกุรอานฮข้างต้นได้ช4ถงสถานภาพมัสยิดว่า เปนศาสนสถานทอยู่
                                                                                          ็
                                                                                                       ี9
                                                                    ี
                                                                     ึ
                                                          ฺ
                                                     9
                                                   ฺ
                                                       ี
                                                     ึ
                                                                                               ิ
                                                                     ิ
                                                                                      ู
                                                                                           ็
                                                                                                 ี9
                       ภายใต้การครอบครองของอัลลอฮ ซงมความทรงเกิยรตและสถานภาพอันสงส่ง เปนส9งทควรจะเอา
                                                                        ี
                                                                         ี
                                                                                     ิ
                                                             ื
                                                                                                  ็
                                                        ้
                                                                                           ี
                             ิ
                         ั
                       ทรพย์สนหะรอมมาปะปนในการก่อสรางหรอไม่ ในกรณน4นักกฎหมายอสลามมความเหนต่างกัน
                                                  ี9
                                     ิ
                                                          9
                                            ุ
                                                          ึ
                                                            ี
                       บนพื4นฐานหลักคดและมมมองทต่างกัน ซงมสองทัศนะ
                                                  ึ]
                                                                        ั
                                                                            ิ
                                                        ทัศนะที]หนง   เหนว่า สามารถนําทรพย์สนหะรอมทไม่ทราบเจ้าทรพย์เดมมา
                                                                                                  ั
                                                       ็
                                                                                                      ิ
                                                                                     ี9
                                      ึ
                                     9
                         ้
                                                                                            ็
                                        ็
                                                                                                       ิ
                       สรางมัสยิดได้  ซงเปนทัศนะของนักกฎหมายสายสํานักชาฟอย และเปนความเหนของท่านอบน        ุ
                                                                            ี
                                                                           ี
                                                                                    ็
                                                                             ฺ
                          35
                       รสด (Ibn Rusd)จากสายสํานักมะลีกียฺ
                       ุ
                          ฺ
                                                 ุ
                                                        โดยยกเหตผลว่า ทรพย์สนหะรอมทไม่ทราบเจ้าทรพย์เดมต้องคนสภาพกลับส่ ู
                                                                      ี9
                                                                                              ื
                                                             ิ
                                                         ั
                                                                                       ิ
                                                                                   ั
                                                                                                      ี9
                                            ั
                                                                            ั
                                                ื9
                                                                                                   ิ
                                                   ั
                                                                      ็
                                                                                                ็
                             ็
                                     ิ
                       ความเปนกรรมสทธrของรฐ เมอทรพย์สนถกแปรสภาพเปนของรฐ ทรพย์สนดังกล่าวก็เปนส9งทชอบ
                                       ิ
                                                                                 ั
                                                       ิ
                                                          ู
                                                                                    ิ
                                                                                  ์
                                                                                        ั
                                                                ์
                                    ี9
                                                                                             ิ
                                      ั
                       ด้วยกฎหมายท รฐสามารถนําไปใช้ประโยชนได้ การใช้ประโยชนจากทรพย์สนดังกล่าว เพื9อ
                       สาธารณประโยชนแก่มสลมโดยทั9วไป  ถอว่าเปนส9งทอนมัตและชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั4นการนํา
                                                                     ี9
                                                                        ุ
                                                                           ิ
                                              ิ
                                                          ื
                                                                   ิ
                                                               ็
                                       ์
                                           ุ
                                                                ื
                                                                                                        ิ
                                                                                                     ุ
                                                                              ้
                             ิ
                                                     ้
                       ทรพย์สนหะรอมดังกล่าวมาก่อสรางมัสยิดก็ถอว่าเปนการสรางสาธารณประโยชนแก่มสลม
                                                                                                 ์
                         ั
                                                                      ็
                                         ็
                                    ื
                       โดยทั9วไป  จงถอว่าเปนส9งทอนมัตและชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน  (al-Nawawiy,2003  :  9/156    al-
                                               ี9
                                                    ิ
                                 ึ
                                            ิ
                                                 ุ
                       Qurtubiy,1988: 18 /565  )
                                                                     ิ
                                                                                                        ้
                                                     ็
                                                                 ั
                                                                              ี9
                                                                                           ั
                                                       ทัศนะที]สอง  เหนว่า การนําทรพย์สนหะรอมทไม่ทราบเจ้าทรพย์เดมมาก่อสราง
                                                                                               ิ
                                     ิ
                                                   ็
                       มัสยิด ถอว่าเปนส9งต้องห้าม ซงเปนทัศนะหนงของสายสํานักหะนะฟย  และสายสํานักทั9วไปของมา
                                                            ึ
                             ื
                                                            9
                                                ึ
                                                9
                                                                                 ฺ
                                  ็
                                                                                ี
                          ฺ
                       ลกีย
                        ิ

                                                                                                       ์
                                                                                                        ี
                                                                                          ื
                                                                  ี
                                                               ี
                            ุ
                          ิ
                            ุ
                              ฺ
                                   ิ
                                                      ุ
                                                        ฺ
                                ี
                                ื9
                       35
                         อบนรสดมชอจรงว่ามุหัมมัดบุตรอะหมัดบุตรรสดอบูอัลวะลดกอฏย์กุรฏบะฮ์อัลมาลกิยะฮ์ เจ้าของหนังสอ “อัลบะยานวัตตะหศล,
                                                                             ิ
                                                ์
                                                                      ุ
                         ฺ
                                               ิ
                                                        ี
                       ชัรหมะอานย์อัลอะษาร”เกิดและเสยชวตทกุรฏบะฮ์ ปฮ.ศ.520  (Mausu ‘ah al-‘Alam,n.d.:1/228)
                              ี
                                                 ี9
                                            ี
                                              ี
                                                    ุ
   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79