Page 119 - 013
P. 119
119
5) งานวิจยที่เกี่ยวของ
้
ั
ผู้วิจัยจะน าเสนองานวิจัยทเกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อน ามา
ี่
ี
์
ุ
ประกอบการศกษาวิเคราะหงานวิจัยเกี่ยวกับสาเหตของความขัดแย้ง และวิธการจัดการกับความ
ึ
ขัดแย้งของผู้บรหารในโรงเรยนเอกชนสอนศาสนาอสลามในจังหวัดปตตาน ตามล าดับดังน้ ี
ี
ิ
ั
ี
ิ
5.1 งานวิจยในประเทศ
ั
วรศักด์ ิ สมฤทธ์ ิ. (2541 : 59-67) ได้ท าการวิจัย เรอง แบบพฤตกรรมท ี่
ิ
ื่
์
ิ
ี
ึ
แสดงออกในสถานการณความขัดแย้งของผู้บรหารโรงเรยนขยายโอกาสทางการศกษา สังกัด
ึ
ี
ส านักงานการประถมศกษาอ าเภอฝาง จังหวัดเชยงใหม่ พบว่า ผู้บรหารโรงเรยนแสดง
ิ
ี
ื่
พฤตกรรมการประนประนอมในสถานการณความขัดแย้งมากกว่าพฤตกรรมด้านอน ๆ และเลอก
ี
ื
์
ิ
ิ
ิ
พฤตกรรมการแข่งขันน้อยกว่า พฤตกรรมด้านอน ๆ โดยเรยงตามส าดับได้ คอ การ
ื
ื่
ี
ิ
ี
ื
ั
ี่
ี
ประนประนอม การปรองดองการร่วมมอแก้ปญหา การหลกเลยง และการแข่งขัน
ึ
ื่
ี
ึ
ิ
นเทศ บัวตูม (2537 : 77) ศกษาวิจัยเรองการศกษาวิธการจัดการความขัดแย้ง
ภายในโรงเรยนของผู้บรหารโรงเรยนประถมศกษา สังกัดส านักงานการประถมศกษาจังหวัดลพบร ี
ี
ึ
ี
ิ
ึ
ุ
ี่
ู
ิ
พบว่าผู้บรหารโรงเรยนใช้วิธจัดการความขัดแย้งแบบหลกเลยงสงสด และแบบการแข่งขันเปน
็
ี
ี
ี
ุ
ุ
ล าดับสดท้าย
ี
ั
ื่
มนตร รตนพันธ (2545, บทคัดย่อ) ได้ท าวิจัยเรอง การจัดการความขัดแย้งใน
์
ึ
ึ
ี
ี
โรงเรยนประถมศกษา สังกัดส านักงานการประถมศกษา จังหวัดสราษฎรธาน เขตปฏบัตการท 3
ิ
ิ
ุ
ี่
์
ื่
ิ
ี
ี
พบว่าสาเหตของการเกิดความขัดแย้ง เกิดจากทบคคลมค่านยม ความเชอ แตกต่างกัน และมวิธการ
ุ
ี่
ุ
ี
ี
ี่
ั
ิ
ุ
ื่
ท างานทไม่สอดคล้องกัน พฤตกรรมของบคคลเมอพบกับความขัดแย้งใช้วิธเผชญหน้า แก้ปญหา
ิ
ี
ั
ี
เมอมบรรยากาศทน่าวางใจ ส าหรบวิธจัดการกับความขัดแย้งส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง
ี่
ื่
ี
ั
สกัญญา พรหมคณ (2549 : 45-50) ได้ศกษาและเปรยบเทยบการแก้ปญหาความ
ี
ุ
ึ
ุ
ขัดแย้งของผู้บรหารสถานศกษา สังกัดส านักงานเขตพื้นทการศกษาชลบร เขต 3 โดยจ าแนกตาม
ึ
ี่
ี
ึ
ิ
ุ
ี
ุ
์
ี
ิ
ขนาดโรงเรยน และประสบการณในการบรหาร กล่มตัวอย่างเปนผู้บรหารโรงเรยน จ านวน 78 คน
็
ิ
ี่
็
เครองมอทใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเปนแบบสอบถามเกี่ยวกับวิธแก้ปญหาความขัดแย้งภายใน
ี
ั
ื่
ื
ิ
ี
ิ
ิ
โรงเรยน ของผู้บรหารสถานศกษาตามแนวคดของโธมัสและคลแมนน์(Thomas-Kilman Conflict
ึ
์
Mode Instsument) ผลการวิจัยพบว่า การแก้ปญหาความขัดแย้งจ าแนกตามประสบการณใน
ั
ิ
ี
ต าแหน่งผู้บรหารและขนาดของโรงเรยน ดังน้ ี