Page 99 - 001
P. 99
88
อย่างดี บทบาททางการค้ากับต่างชาติเริ่มเด่นชัดขึ้นในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ ปฐมกษัตริย์แห่ง
ราชวงศ์โมริยะ การที่แว่นแคว้นต่างๆจำนวนมากถูกผนวกภายใต้จักรวรรดิเดียวกัน ส่งผลให้
การค้าทั้งภายในจักรวรรดิและการค้ากับต่างประเทศขยายตัวมากขึ้น ทั้งนี้ พระเจ้าจันทรคุปต์
ได้สร้างฐานเศรษฐกิจของประเทศโดยเน้นการค้าขายที่ติดต่อกับต่างชาติทั้งกลุ่มประเทศทาง
ตะวันตก (มีเมืองตักษิลาและเมืองอุชเชนเป็นศูนย์กลาง) และกลุ่มประเทศทางตะวันออก (มี
เมืองปาฏลีบุตรเป็นศูนย์กลาง) โปรดให้สร้างเมืองท่าสำคัญบริเวณปากแม่น้ำคงคา คือ เมือง
ตามรลิปติ เพื่อติดต่อค้าขายกับกลุ่มประเทศทางตะวันออก ที่สำคัญคือ การสร้างเส้นทางการค้า
ภายในจักรวรรดิจำนวนหลายเส้นทาง รวมทั้งให้มีการดูแลพ่อค้าที่เดินทางไปค้าขายให้ปลอดภัย
จากโจรผู้ร้ายด้วย ยกตัวอย่างเส้นทางหลวงสายสำคัญ คือ เส้นทางติดต่อระหว่างเมืองปาฏลี
บุตร (เมืองหลวง) กับเมืองตักษิลา (เมืองอุปราช) และต่อไปจนถึงเมืองกปิศะในอัฟกานิสถาน
ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางการค้าของกษัตริย์กรีกราชวงศ์เซเลอเซีย (Seleucia
dynasty) ที่แบค เตรียได้ จากแบคเตรียนี้เองที่เชื่อมต่อกับเส้นทางการค้ากับโลกตะวันตก ทำ
ื้
ให้สินค้าจากพนที่ดังกล่าว (กลุ่มประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน) เป็นต้นว่า ลูกปัดแก้วหลายสี
แบบมีแถบสี (striped bead) และลูกปัดมีตา (eye bead) ถูกส่งมาขายยังอินเดีย และส่งต่อไป
ยังดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผ่านไปยังเมืองท่าฝั่งตะวันออก เช่น เมืองตามรลิปติ ซึ่ง
21
จะแล่นเรือเลียบชายฝั่งมาขึ้นบกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
การขยายตัวทางเศรษฐกิจก่อให้เกิดการรวมตัวของผู้คนที่มีอาชีพเดียวกัน เช่น สมาคม
่
ื่
ช่างฝีมือที่เรียกว่า “เศรณี” (Sreni) เพอจัดการด้านธุรกิจการค้าร่วมกัน หรือสมาคมพอค้าที่
เรียกว่า “เศรษฐี” (Setthi) ทำหน้าที่ในการรับฝากเงิน หรือเป็นธนาคารให้กู้เงิน สมาชิกสมาคม
่
พ่อค้าได้รับเสรีภาพจากรัฐ และได้รับการเคารพยกย่องจากสังคม สมาคมพอค้ามีกฎหมายและ
ระเบียบข้อบังคับของตนเอง แม้รัฐบาลก็ยังให้ความเคารพกฎหมายของสมาคมพอค้าด้วย
่
่
สมาคมพอค้าส่งเสริมการศึกษาทั้งด้านอาชีพเฉพาะและอาชีพทั่วไป ด้วยเหตุนี้การค้าจึง
เจริญรุ่งเรืองมาก
การค้ากับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการติดต่อค้าขายกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเหล็ก
ตอนปลาย หรือในสมัยราชวงศ์โมริยะ-ศุงคะ (350-50 ปีก่อน ค.ศ. หรือราวพุทธศตวรรษที่ 3-5)
ดังปรากฏชื่อเรียกดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในมหากาพย์รามายณะ (บันทึกเรื่องราว
ช่วง 300 ปีก่อน ค.ศ. และต่อเติมใน ค.ศ. 200) ในชื่อว่า “สุวรรณทวีป” หมายถึงคาบสมุทร
ทองคำ หรือ “สุวรรณภูมิ” ซึ่งหมายถึงดินแดนแห่งทอง
หลักฐานทางโบราณคดีที่แสดงถึงร่องรอยการติดต่อแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างชาว
อินเดียและประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มปรากฏขึ้นในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอน
ปลายหรือยุคโลหะ เนื่องจากได้พบลูกปัดหินประเภทคาร์เนเลียน หินโอนิกซ์และหินอาเกตและ
ลูกปัดแก้วสีต่างๆ ซึ่งมีแหล่งผลิตอยู่ในประเทศอินเดีย แต่มาแพร่กระจายอยู่ในแหล่งโบราณคดี
21 ผาสุข อินทราวุธ. สุวรรณภูมิจากหลักฐานทางโบราณคดี, หน้า 34-35.