Page 94 - 001
P. 94
83
อาณาจักรของพระเจ้าจันทรคุปต์มีความกว้างใหญ่ไพศาลมากประชาชนส่วนใหญ่
ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งสามารถนำรายได้และภาษีสู่รัฐบาล รัฐบาลจะมีหน้าที่ช่วยดูแล
ิ่
ในเรื่องของการชลประทาน ตลอดจนดูแลช่วยเหลือทำนุบำรุงผลิตผลให้เพมมากขึ้น นอกจาก
อาชีพทางการเกษตรแล้วยังมีการทำป่าไม้ เหมืองแร่และค้าขาย ซึ่งในสมัยนี้มีความเจริญรุ่งเรือง
มากเพราะมีถนนหนทางใหญ่ ๆ เชื่อมโยงส่วนต่าง ๆ ของประเทศ อีกทั้งตามเส้นทางคมนาคม
ั
ยังมีบ้านพกคนเดินทางอีกด้วย นอกจากการค้าขายติดต่อกันภายในประเทศแล้วหลักฐานทาง
โบราณคดีในประเทศอินเดียก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนชาวอินเดียมีการติดต่อ
ค้าขายกับต่างชาติทั้งทางซีกโลกตะวันตกและตะวันออก บทบาททางการค้ากับต่างชาติเริ่ม
เด่นชัดในสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์ พระองค์เป็นผู้เปิดประตูการค้ากับโลกตะวันตกโดยสร้าง
เส้นทางการค้าที่สำคัญในขณะเดียวกันก็เริ่มเปิดประตูการค้ากับโลกตะวันออก โดยสร้างเมือง
ท่าสำคัญบริเวณปากแม่น้ำคงคาคือเมืองตามรลิปติ (Tamralipti) เพอติดต่อค้าขายทางทะเล
ื่
กับกลุ่มประเทศทางตะวันออก
ในทางสังคมสมัยพระเจ้าจันทรคุปต์มีลักษณ์ทางสังคมที่เด่นชัดคือความเข้มงวดของ
ิ
ระบบวรรณะ พราหมณ์เพมพธีทางศาสนาให้สลับซับซ้อนมากขึ้น พราหมณ์จะทำหน้าที่เป็นผู้
ิ่
ิ
ประกอบพธีบูชา ในฐานะผู้เป็นสื่อระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ พวกพราหมณ์จึงถือว่าตนมี
สิทธิ์พิเศษมากมาย เป็นชนชั้นสูงและมีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในสังคม
พระเจ้าจันทรคุปต์ทรงครองราชย์บังลังก์อยู่เป็นเวลา 24 ปี พวกเชนบันทึกไว้ว่า ในบั้น
ปลายชีวิตพระองค์ได้สละราชสมบัติและออกผนวชเป็นนักบวชในศาสนาเชน และอดอาหารจน
สิ้นพระชนม์ตามแบบฉบับของนักบุญเชนที่วัดศราวัณ ในแคว้นไมซอร์ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม
ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าข้อความดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ผู้ที่ครองราชย์สมบัติต่อมาคือ พระเจ้าพินทุ
สาร ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าจันทรคุปต์ พระองค์ได้ครองราชย์ในปี 298 ก่อน
คริสตกาล
ิ
ในรัชสมัยของพระเจ้าพนทุสาร อิทธิพลของแคว้นมคธขยายลงมาทางอินเดียใต้ ตาม
ข้อความในหนังสือมหาวงศ์กล่าวว่า พระเจ้าพินทุสารทรงมีพระโอรสถึง 101 องค์ เจ้าชายสุสีมะ
ทรงเป็นพระโอรสองค์โต เจ้าชายอโศกทรงเป็นโอรสองค์ที่ 2 และเจ้าชายติษยะ (ติสสะ) ทรง
เป็นโอรสองค์เล็กสุด พระเจ้าพนทุสารสวรรคตในปี 273 ก่อนคริสตกาล พระเจ้าอโศกทรง
ิ
สืบราชสมบัติต่อมา
พระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ. 269-311) มีหลักฐานในช่วงเริ่มแรกของชีวิตน้อยมาก เรา
ี
ทราบแต่เพยงว่า เมื่อยังทรงพระเยาว์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นอุปราชประจำแคว้นตะวันตกเฉียง
เหนือ หลักฐานหนึ่งที่ทำให้เรารู้เรื่องราวในสมัยพระเจ้าอโศกได้ดีคือเสาพระเจ้าอโศก ซึ่งเป็น
เสาหินที่พระเจ้าอโศกทรงสั่งให้ทำขึ้นและนำไปตั้งตามจุดต่าง ๆ ภายในจักรวรรดิที่กว้างใหญ่
ของพระองค์ เสาหินนี้ถือเป็นหลักฐานทางลายลักษณ์อักษรที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย ภายในบรรจุ
คำสั่งสอนของพระองค์ต่อประชาชนให้อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม การจารึกบนแท่งหินและเสาหิน
ของพระเจ้าอโศกสันนิษฐานว่าเลียนแบบมาจากการจารึกของกษัตริย์ราชวงศ์อาคีมินิดแห่ง
เปอร์เซีย แต่จุดมุ่งหมายในการจารึกมีความแตกต่างกันกล่าวคือ จารึกของเปอร์เซียเป็นการ