Page 75 - 001
P. 75

64





                   รู้จักรักษาทรัพย์ที่หามาได้หรือรู้จักการเก็บออม 3) คบเพื่อนที่ดีงาม 4) ใช้จ่ายให้เหมาะแก่ฐานะ

                   ของตน ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ชี้แจงให้ทราบถึงเหตุที่ทำให้ยากจนอีก 4 ประการ คือ 1) การ
                   เป็นนักเลงหญิง 2) การเป็นนักเลงสุรา 3) การเล่นพนัน 4) การคบคนชั่วเป็นมิตร
                          ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการสอนวิธีการดำเนินชีวิตทางเศรษฐกิจให้ได้ความสุขตามวิถีทาง

                   ของพระพุทธเจ้า ส่วนการดำเนินชีวิตแบบพระสงฆ์หรือผู้ออกบวชในศาสนาพุทธ พระพุทธองค์
                                                                                           ุ่
                   ทรงเสนอวิธีการดำเนินชีวิตที่ไม่สิ้นเปลือง กล่าวคือ ทรงไม่เน้นความเป็นอยู่ที่ไม่ฟมเฟือย สอน
                   ให้รักสันโดษ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ทรงสอนให้ภิกษุสงฆ์มีสิ่งจำเป็นเพียง 4 ประการ ได้แก่ ผ้านุ่งห่ม
                   (จีวร), อาหาร (ที่ได้จากการบิณฑบาต),ที่อยู่อาศัย และยาแก้เจ็บไข้ เครื่องอาศัยทั้ง 4 ประการ
                        ุ
                                                                               ุ
                   พระพทธเจ้ากำหนดให้ใช้แต่ของง่ายๆและสะดวก นอกจากนี้พระพทธองค์ยังทรงมีข้อบัญญัติ
                   อีกหลายประการ เช่น ห้ามหยิบจับหรือรับเงินทอง หรือใช้ของที่ทำด้วยทองหรือเงินที่สวยงาม
                   เกินไป ห้ามขอของจากใครต่อใครโดยเขามิได้อนุญาตให้ขอ ห้ามมักมาก แม้กระทั่งอาหารก็ไม่มี

                   การสะสม คือห้ามเก็บไว้ค้างคืนเพอจะใช้บริโภคในวันรุ่งขึ้น พระภิกษุจึงไม่ทำตัวเบียดเบียน
                                                  ื่
                   ชาวบ้านดังเช่นพวกพราหมณ์ ซึ่งมักอ้างว่าต้องใช้เงินทองมาก เพื่อทำพิธีให้พระเจ้าพอพระทัย
                          การบูชาตามวิธีของพระพทธเจ้านั้นทรงกล่าวไว้เมื่อใกล้จะเสด็จปรินิพพานว่า “การ
                                                  ุ
                   บูชาพระองค์ด้วยอามิสบูชา มีดอกไม้ เป็นต้น ยังไม่ได้ชื่อว่าบูชาแท้ แต่ผู้ใดประพฤติปฏิบัติธรรม
                   ปฏิบัติชอบตามทำนองคลองธรรม ผู้นั้นจึงชื่อว่า เคารพสักการะนับถือบูชาพระตถาคตด้วยบูชา

                   อันยอดเยี่ยม”
                          2. ทางด้านสังคม  พระพทธองค์ทรงคัดค้านระบบวรรณะ  อันเป็นเหตุให้วรรณะต่ำ
                                                 ุ
                   ต้องได้รับความเดือดร้อน พระพทธองค์ได้แสดงธรรมไว้ว่าทุกคนในสังคมมีความเท่าเทียมกัน
                                                ุ
                   แต่ที่มีการแบ่งออกเป็น 4 วรรณะใหญ่ ๆ นั้น เป็นการแบ่งตามหน้าที่ มิใช่เป็นพระบัญชาจาก
                   พระผู้เป็นเจ้า วรรณะทั้ง 4 มีที่มาของแต่ละวรรณะดังต่อไปนี้

                          กษัตริย์  เกิดมาจากประชาชน เพอทำหน้าที่ปกป้องภยันตรายและเป็นผู้พทักษ์รักษา
                                                                                            ิ
                                                        ื่
                   สมบัติของประชาชน
                          พราหมณ์ คือ ผู้มีหน้าที่ห้ามวิถีทางที่ชั่วร้ายและไม่ดีของประชาชน

                          แพศย์ วรรณะนี้มีกำเนิดมาจากประชาชนที่ได้ประกอบอาชีพและการค้าทุกชนิด จึงได้
                   ชื่อว่า “เวสส”หรือแพศย์

                          ศูทร  มีกำเนิดมาจากพวกที่มีอาชีพเป็นพรานล่าสัตว์และทำการค้าย่อย ๆ ดังนั้น จึงได้
                   ชื่อว่าสุททะ (ศูทร)

                                                  ุ
                          นอกจากนี้ ในทัศนะของพทธศาสนาจึงได้ชี้แจงว่า แต่ละวรรณะมิได้เป็นเรื่องตายตัว
                   หรือการสืบตระกูล ยกตัวอย่างการเป็นนักบวชไม่ว่ามาจากวรรณะไหนก็สามารถออกบวชได้
                                       ุ
                   เหมือนกันหมด พระพทธองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า การที่คนในสังคมแตกต่างกันก็เพราะกรรมที่
                   ตนกระทำไปนั่นเอง  วรรณะใดก็แล้วแต่ หากกระทำชั่วทั้งกายกรรม (การกระทำ) วจีกรรม
                   (คำพด) และมโนกรรม (ทางความคิด)  ก็จะได้รับผลแห่งกรรมชั่ว  ชาติกำเนิดมิได้เป็นสิ่ง
                        ู
                   กำหนดว่าผู้ใดจะเป็นผู้ที่สูงที่สุด น่ายกย่องที่สุด แต่คุณงามความดีต่างหากที่จะเป็นเครื่องตัดสิน
   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80