Page 69 - 001
P. 69

58





                   การศึกษา และได้รับการสนับสนุนให้แต่งวรรณกรรมที่มีจุดประสงค์หลักไปในทางศีลธรรม

                   ดังนั้น วรรณกรรมในศาสนาเชนจึงให้ความรู้ในวิชาคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์และนิรุกติศาสตร์
                   เป็นอย่างมากในเวลาต่อมา
                          3. ทางด้านการเมือง มโนคติในเรื่องของลักษณะของผู้ปกครองหรือกษัตริย์ในศาสนา

                   เชนคล้ายคลึงกับทัศนะของศาสนาพราหมณ์ กล่าวคือ กษัตริย์ควรเป็นผู้เคร่งครัดในศาสนา
                   อย่างจริงจัง แต่อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว แม้ศาสนาเชนจะยึดถือหลักอหิงสา แต่ก็ไม่

                   เคยคัดค้านการทำสงครามอย่างรุนแรงเลย ดังนั้น เราจะเห็นว่ากษัตริย์สำคัญๆที่นับถือศาสนา
                                                  ิ
                   เชนหลายพระองค์ได้ชื่อว่าเป็นผู้พชิต กล่าวได้ว่าศาสนาเชน เห็นกิจการทำสงครามนั้นเป็น
                   กิจกรรมที่เป็นปกติวิสัยของกษัตริย์


                   ศาสนาพุทธ

                                                           ุ
                          ในยุคก่อนการอุบัติขึ้นของศาสนาพทธนั้น ชาวอินเดียมีทัศนะเกี่ยวกับชีวิตเป็น 2
                   แนวทางคือ
                          1.  กลุ่มที่เชื่อว่าตายแล้วต้องเกิดอีก เพราะมีตัวตนหรือที่เรียกว่า อาตมัน แม้ร่างกาย

                   จะสูญสลายไป แต่อาตมันยังคงอยู่ ไม่ได้สูญหายตามร่างกายไปด้วย ต้องเวียนว่ายตายเกิด
                                                              ้
                   อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าจะบรรลุถึงความหลุดพน คือ การเข้าไปรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ
                                                                                        ื่
                   พระเจ้าสูงสุดคือ พรหมัน มนุษย์จึงควรทำความดีตามหลักคำสอนในศาสนาเพอบังเกิดในภพ
                   ภูมิที่ดีจนกระทั่งเข้าสู่ความหลุดพนดังกล่าวได้ กลุ่มที่มีความเห็นเช่นนี้ เรียกว่า สัสสตทิฎฐิ
                                                  ้
                   ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์ ฤาษีหรือนักพรตอื่นๆ โดยเฉพาะศาสนาเชนที่มุ่งการทรมานตนเพอให้
                                                                                                 ื่
                   หลุดพ้นจากกิเลส
                          2.  กลุ่มที่เชื่อว่า ตายแล้วสูญสิ้นทุกอย่าง เมื่อร่างกายแตกสลาย จิตก็แตกดับไปด้วย

                   ไม่มีวิญญาณอมตะ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าตัวตนหรืออาตมันอีกต่อไป คนกลุ่มนี้มักเน้นการเสพวัตถุ
                   เพื่อให้ตนมีความสุขในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยไม่ต้องคิดถึงโลกหน้า สวรรค์ นรก ภพภูมิที่สัตว์
                   จะไปเกิดอื่นๆหรือพระเจ้าสูงสุด เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีอยู่จริง เนื่องจากไม่สามารถพสูจน์
                                                                                                 ิ
                   ทดสอบได้ด้วยประสาทสัมผัส การทำความดีความชั่วไม่มีผลอะไร ความดีคือการได้เสพสุขทาง
                   กายเท่านั้น ความชั่วคือการทำให้ตนเองเป็นทุกข์โดยการทรมานตนให้ลำบาก ตามหลักการ

                   ของศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาอื่นๆที่เน้นสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด กลุ่มที่มีความเห็น
                                                                          5
                   เช่นนี้เรียกว่า อุจเฉททิฎฐิ ได้แก่ พวกจารวากหรือพวกวัตถุนิยม

                          การเกิดขึ้นของศาสนาพทธก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เนื่องจากเป็นการ
                                                ุ
                   ปฏิวัติแนวความคิดของศาสนาพราหมณ์ที่ครอบคลุมสังคมอินเดียอยู่ในขณะนั้น ให้เป็นความ

                                                                                            ุ
                   เชื่อใหม่ที่เป็นไปตามแนวเหตุผลและมุ่งหลักความเป็นจริงเป็นที่ตั้ง ศาสนาพทธไม่เน้น


                          5  ภัทรพร สิริกาญจนและคณะ. (2546). ความรู้พื้นฐานทางศาสนา. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,
                   หน้า 28.
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74