Page 53 - 001
P. 53
42
ื้
อย่างไรก็ดี เมื่อชาวอารยันเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอินเดียและได้ปะปนกับคนพนเมืองที่ต่าง
สีผิวและมีวัฒนธรรมต่างกันมากขึ้น ชาวอารยันบางกลุ่มได้รับเอาขนบธรรมเนียมประเพณีและ
อารยธรรมของชาวพื้นเมืองไปใช้ รวมไปถึงการแต่งงานกับชาวพื้นเมืองอีกด้วย เมื่อเวลาผ่านไป
8
ชาวอารยันเกรงว่าตนจะถูกกลืนชาติ จึงได้ตั้งระบบเกี่ยวกับการแบ่งชนชั้นหรือ วรรณะ ขึ้น เพื่อ
ื่
รักษาความบริสุทธิ์ของเชื้อชาติตนเองเอาไว้ โดยจุดประสงค์ในชั้นต้นก็เพอรักษาความบริสุทธิ์
ของสายโลหิตมากกว่าการแบ่งชนชั้น ดังนั้น การแบ่งชนชั้นในระยะแรกจึงยังไม่เข้มงวดมากนัก
ระบบวรรณะดังกล่าวได้เริ่มขึ้นในราวปลายยุคพระเวท และเริ่มเด่นชัดเข้มข้นขึ้นโดยแยกแยะ
เป็นวรรณะย่อยๆ มากขึ้นหลังสมัยพระเวท
ฐานะของสตรีในสมัยนี้ได้รับการยกย่องอย่างสูง มีความเสมอภาคเท่าเทียมกับผู้ชาย
ผู้หญิงมีเสรีภาพในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆในสังคม เช่น งานเต้นรำ เป็นต้น ในคัมภีร์พระเวท
กำหนดให้ผู้ชายมีภรรยาคนเดียว และถือเป็นหลักปฏิบัติในสังคม ผู้หญิงสามารถเลือกสามีของ
ตนเองได้ และเมื่อแต่งงานแล้วภรรยาจะย้ายไปอยู่กับสามี และได้รับเกียรติอย่างสูงในฐานะ
แม่บ้าน มีบทบาทสำคัญภายในบ้าน เนื่องจากเป็นผู้ดูแลกิจการภายในบ้านทั้งหมด อย่างไรก็
ตาม ภรรยายังอยู่ภายใต้อำนาจของสามี ในขณะที่การสืบมรดกจะตกทอดแก่ลูกชาย ลูกสาวไม่
มีส่วนในทรัพย์สมบัติ นอกเสียจากว่าไม่มีลูกชายในการสืบสกุล ลูกสาวจึงจะได้รับทรัพย์สมบัติที่
อนุญาตให้เป็นกรรมสิทธิ์ได้ อาทิ วัว ควาย ม้า ทองคำ เครื่องประดับ ทาส รวมถึงที่ดินที่ใช้ใน
9
การทำมาหากิน ข้อน่าสังเกตเกี่ยวกับฐานะของสตรีสมัยนี้อีกประการหนึ่งคือ หญิงม่ายต้องเข้า
พธีทำเป็นสัญลักษณ์ว่าทำลายตนเอง แต่ไม่ได้ทำจริงๆ เป็นเพียงการปฏิบัติพอเป็นความหมาย
ิ
ิ
ิ
เท่านั้น สันนิษฐานว่าการปฏิบัติดังกล่าวจะเป็นต้นเค้าของพธีสตี (sati) ซึ่งเป็นพธีกระโดดเข้า
10
กองไฟตายตามสามีของผู้หญิงชาวฮินดูในสมัยต่อมา
3. ศาสนาและปรัชญา แต่เดิมชาวพื้นเมืองก่อนการเข้ามาของอารยันนับถือบูชาเทพ
เจ้าในธรรมชาติ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ พวกเขาเชื่อว่าโลกธาตุและธรรมชาติเหล่านี้มีชีวิตจิตใจ
และมีตัวตน ในขณะที่ชาวอารยันนั้น เดิมทีเดียวนับถือเทพเจ้าเพียง 4 องค์ คือ
1. พระอาทิตย์ เรียกว่า สาวิตรี หรือสวิตระ
2. ฝนหรือน้ำทั้งหลาย เรียกว่า วรุณะ
3. ผู้ที่บันดาลให้สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นไปได้ในโลก เรียกว่า อินทระ
4. ผู้ที่ทำลายสิ่งมีชีวิตในโลก เรียกว่า มฤตยู หรือ ยม
ื้
ั
เมื่อชาวอารยันได้เข้ามาและลงหลักปักฐานในอนุทวีป การติดต่อสัมพนธ์กันกับชาวพนเมืองทำ
ให้มีการรับเอาความเชื่อและการนับถือเทพเจ้าของชาวพื้นเมืองเข้ามาผสมผสานกับความเชื่อตน
ิ่
ต่อมา ชาวอารยันจึงมีเทพเจ้าเพมขึ้นหลายองค์ โดยสามารถแบ่งประเภทของเทพเจ้าได้เป็น 3
ประเภท คือ
1. เทพเจ้าบนพื้นดิน เช่น พระอัคนี พระสรัสวดี พระพฤหัสบดี พระโสม พระ
8 คำว่า วรรณะ แปลว่า สี
9 ดนัย ไชยโยธา.ประวัติศาสตร์เอเชียใต้ยุคโบราณ, หน้า 53.
10 ประภัสสร บุญประเสริฐ. (2542). ประวัติศาสตร์เอเชียใต้. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง, หน้า 63.