Page 164 - 001
P. 164

153


                   ค่า เครื่องเทศ ฯลฯ ในขณะที่สินค้านำเข้าหลักๆได้แก่ ผ้าไหม ไวน์ ทองคำ และม้า โดยมีสมาคม

                    ่
                                                                                                    ี
                   พอค้าเป็นองค์กรหลักในการดำเนินการ อย่างไรก็ดี ความมั่งคั่งดังกล่าวกลับกระจุกตัวอยู่เพยง
                   กลุ่มคนบางกลุ่ม เช่น กษัตริย์ เจ้าที่ดิน หรือองค์กรทางศาสนา แต่ประชาชนโดยทั่วไปยังคงใช้
                   ชีวิตอย่างเรียบง่ายและถูกกีดกันไม่ให้เข้าถึงความร่ำรวยจากทรัพยากรที่มีในแผ่นดินตนเองด้วย

                   เหตุผลในเรื่องวรรณะ ดังนั้น เมื่อเกิดการรุกรานโดยชนต่างชาติ ประชาชนจึงไม่ได้มีความรู้สึก
                   หวงแหนแผ่นดินตนเอง เนื่องจากการที่ไม่เคยได้รับประโยชน์ใดๆเลย

                          3. สภาพทางสังคม ระบบวรรณะยังเป็นส่วนสำคัญต่อชีวิตประชาชนและทำให้สังคม
                   ขับเคลื่อนไป วรรณะหลักที่สำคัญยังคงเป็น กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร แต่ในสังคม
                   ยังคงปรากฏวรรณะย่อยอีกมากมาย ความเป็นเสรีนิยมในตัวบุคคลสูญหายไปมากเนื่องจากมี

                   ความเข้มงวดในระบบวรรณะที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นผลเสียต่อชาวอินเดียเอง เนื่องจากเมื่อ
                   ระบบวรรณะฝังรากลึกลงในสังคมอินเดีย ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจึงไม่เกิดขึ้น สังคมที่มี

                                          ี
                   ความแตกแยกเช่นนี้ไม่เพยงนำความอ่อนแอมาสู่ประเทศแต่ยังนำมาซึ่งความเสื่อมทรามมา
                   จนถึงปัจจุบัน และมีผลที่ทำให้ต้องตกเป็นทาสของชาวต่างชาติในเวลาต่อมา
                          4. ศาสนา ศาสนาฮินดูถือเป็นศาสนาที่ทรงอิทธิพลในอินเดียในช่วงเวลานี้ ผู้ปกครอง

                   ส่วนใหญ่ในเกือบทุกอาณาจักรเป็นอัครศาสนูปถัมภกทั้งไวศณพนิกายและไศวนิกาย ในขณะที่
                   ศาสนาพทธได้สูญสิ้นความนิยมไปหมดสิ้นแล้ว เหลือจำกัดอยู่เพียงพื้นที่เล็กๆไม่กี่แห่ง ราชวงศ์
                           ุ
                                                                                               ุ
                   ปาละซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอินเดียเป็นราชวงศ์ท้ายๆที่ให้การสนับสนุน ศาสนาพทธที่ยัง
                   หลงเหลือความนิยมในช่วงนี้คือ นิกายมหายาน และตันตระส่วนศาสนาเชนนับถือกันมากใน
                   แถบคุชราตและอินเดียใต้ทั้งนิกายเศวตัมพรและทิฆัมพร

                          ความโดดเด่นในเรื่องของศาสนาในอินเดีย ไม่ได้มีเพียงความหลากหลายเท่านั้น แต่รวม
                   ไปถึงการเผยแพร่ธรรมะ ที่แต่ละศาสนาพยายามเข้าถึงประชาชนด้วยวิธีสันติ ทั้งนี้ วิธีในการ

                   ดึงดูดให้ผู้คนเข้าถึงศาสนาแต่ละศาสนาที่ดีที่สุดนั้นใช้การบรรยายธรรมหรือสนทนาธรรม ไม่มี
                   ศาสนาใดหรือผู้ปกครองใดเลยที่จะใช้วิธีการบังคับให้คนเข้ามานับถือศาสนาของตน ประชาชน
                   ชาวอินเดียอยู่กับคำสอนที่แตกต่างเหล่านี้อย่างเข้าใจมาโดยตลอด แม้แต่ศาสนาอิสลามที่เข้ามา

                   ภายหลังจากการที่พ่อค้าชาวอาหรับเข้ามาติดต่อค้าขายกับอินเดีย ก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดี ใน
                   ฐานะที่เป็นคำสอนทางปรัชญาอีกรูปแบบหนึ่ง

                          5. การศึกษาและวรรณกรรม ในยุคนี้นักวิชาการและนักการศึกษาหลายคนยังคงได้รับ
                   การอุปถัมภ์จากผู้ปกครอง ศูนย์กลางการศึกษาได้เกิดขึ้นมากมายทั่วทั้งอินเดีย โดย
                   มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้แก่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยวิกรมศิลา มหาวิทยาลัย

                   วัลลภี และมหาวิทยาลัยกาญจี ศูนย์กลางเหล่านี้มีนักศึกษาและนักวิชาการจากทั้งในประเทศ
                   อินเดียเองและต่างชาติเข้ามาศึกษาและค้นหาความรู้แจ้ง (enlightenment) เป็นจำนวนมาก

                   ในขณะที่งานทางด้านวรรณกรรมได้มีการผลิตผลงานออกมาหลากหลายภาษา เช่น ภาษาทมิฬ
                   แต่ภาษาสันสกฤตยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ทั้งนี้วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและปรัชญา
                   ในยุคสมัยนี้ แม้จะขาดหลักปรัชญาใหม่ๆ แต่นักวิชาการหลายท่านก็ได้พยายามแปลความหลัก

                   ปรัชญาเดิมในความหมายที่มีความสดใหม่และเข้ากับยุคสมัย นอกจากงานเขียนทางด้านศาสนา
                   แล้ว งานเขียนเกี่ยวกับศิลปวิทยาการอื่นๆก็ไม่ได้ถูกละเลยไป ทั้งนี้ ได้ปรากฏงานเขียนทางด้าน
   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169